จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อการ์ตูนดิสนีย์ต้องเผชิญกับความจริงทางวิทยาศาสตร์ บอกได้เลยว่างานนี้ต้องมีคนฝันสลายไปตาม ๆ กัน !
จินตนาการในโลกสุดแฟนซีของดิสนีย์ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้ชมหลงรักผลงานจากค่ายนี้มานานเกือบศตวรรษ แต่เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าจะเกิดอะไรขึ้น !? เมื่อจู่ ๆ การ์ตูนในดวงใจของคุณถูกเปิดโปงด้วยวิทยาศาสตร์ที่จะทำให้เราฝันสลายไปตาม ๆ กัน โดยเว็บไซต์ BuzzFeed ได้เปิดเผยข้อมูลสุดเพี้ยนที่จะทำให้เราได้ทราบกันเล่น ๆ ว่า จะเป็นอย่างไรหากการ์ตูนจากดิสนีย์ต้องเผชิญกับความจริงทางวิทยาศาสตร์โดยไร้ซึ่งเวทมนต์ บอกได้เลยว่าใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของดิสนีย์คงต้องทำใจเผื่อไว้สักหน่อย เพราะแต่ละข้อช่างทำลายจินตนาการในวัยเด็กของเราเสียเหลือเกิน ลองไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีข้อมูลเด็ด ๆ อะไรให้ทึ่งบ้างนะ
เงือกน้อยแอเรียล ต้องมีจมูกอยู่บนหัว
ลืมไปได้เลยว่าเงือกน้อยแอเรียลจากเรื่อง The Little Mermaid จะมีหน้าตาจิ้มลิ้มแบบที่คุณจินตนาการ เพราะหากเธอมีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความจริงละก็ ไม่มีทางหรอกที่เงือกตนนี้จะมีลุคที่ดูเก๋เกินหน้าสิ่งมีชีวิตอื่น ในท้องทะเลไปได้ โดยนักชีววิทยาวิวัฒนาการแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แบรดฟอร์ด ฮอว์กินส์ (Bradford Hawkins) ได้อธิบายถึงรูปลักษณ์ของแอเรียลอย่างที่ควรจะเป็นว่า ลักษณะของเงือกควรมีครีบขึ้นบริเวณกลางหลังคล้ายกับโลมา และแขนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ใต้น้ำก็จะถูกแทนที่ด้วยครีบข้างลำตัว ยิ่งไปกว่านั้นจมูกของเธอก็สมควรอยู่บนหัวมากกว่าอีกต่างหาก ดังนั้นบอกลาทรงผมสุดสวยไปได้เลยนะแอเรียล
อะลาดินและจัสมิน ดับอนาถคาพรมวิเศษ
ใครจะรู้ว่าพรมวิเศษจากเรื่อง Aladin อาจเป็นตัวการที่ทำให้ อะลาดิน และจัสมิน ต้องพบกับหายนะ โดยนักฟิสิกส์อย่าง อเลฮานโดร การ์เซีย (Alejandro Garcia) ได้คำนวณการเดินทางของพรมวิเศษเอาไว้เล่น ๆ ว่า อาจเดินทางด้วยความเร็วถึง 621 ไมล์/วินาที ซึ่งทำให้เกิดแรงเสียดทานของอากาศสูงกว่าเดิมถึง 100 ล้านเท่า ผลลัพธ์ที่ได้คือผู้โดยสารบนพรมจะถูกเผาไหม้จนไม่เหลือซาก เพราะแม้แต่อุกกาบาตจากนอกโลกยังถูกเผาไหม้จนหมดทั้ง ๆ ที่พวกมันเดินทางแค่ 6-43 ไมล์/วินาที
นีโมอาจสืบพันธุ์กับพ่อของตัวเอง
จุดเด่นของแอนิเมชั่นเรื่อง Finding Nemo คือความสัมพันธ์ระหว่างปลาการ์ตูนกำพร้าแม่ กับคุณพ่อจอมเปิ่น แต่สำหรับใครที่คิดว่าการ์ตูนเรื่องนี้เต็มไปด้วยความน่ารักละก็ คุณอาจเปลี่ยนใจเมื่อได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากนีโมและพ่อต้องตก อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจริง ๆ เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านปลาได้อธิบายธรรมชาติของปลาการ์ตูนว่า พวกมันเป็นสัตว์สองเพศ (Hermaphrodites) ที่พร้อมจะเปลี่ยนเพศและสืบพันธุ์กับปลาตัวรอบข้างเมื่อคู่ของตัวเองตายไป ดังนั้นในกรณีของ Finding Nemo พ่อของนีโมจะเปลี่ยนตัวเองเป็นปลาเพศหญิงและสืบพันธุ์กับลูกซึ่งเป็นปลาเพศชายตัวเดียวในละแวกนั้นนั่นแหละ ฮะ !?
พิน็อคคีโอ อาจหัวขาดเพราะโกหกมากไป
ใคร ๆ ก็รู้ว่าพิน็อคคีโอคือหุ่นไม้ที่โกหกได้ไม่เนียนเอาเสียเลย เพราะเมื่อไรก็ตามที่เริ่มพูดเท็จจมูกของเขาจะเริ่มยาวขึ้นเรื่อย ๆ แต่เชื่อหรือเปล่าว่าในโลกแห่งความจริงข้อบกพร่องประการนี้อาจทำให้ เขาถึงตายได้เหมือนกัน โดยนักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์ว่า พิน็อคคีโอมีขีดจำกัดในการโกหกได้ไม่เกิน 13 ครั้ง เพราะหากมากกว่านั้นจมูกของเขาจะมีความยาวเกิน 682 ฟุต ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักศีรษะไม่สมดุลกับขนาดลำตัว ผลที่ได้คือศีรษะของเขาจะหลุดออกจากบ่านั่นเอง สยองไม่เบาเลยใช่ไหมล่ะ
การแปลงโฉมของเจ้าชายกบคือจุดจบของโลก
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการแปลงร่างของเจ้าชายกบจากเรื่อง The Princess and the Frog ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเสียทีเดียวนะ เพราะจากการคำนวญของนักฟิสิกส์ ยานนิค เชน (Yannic Chen) มีการอ้างความเป็นไปได้ทางทฤษฎีที่ระบุว่า ต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาลในการทำให้กบกลายร่างเป็นมนุษย์ โดยวิธีการคือต้องนำพลังงานออกจากอากาศจนกระทั่งทุกสิ่งบนโลกถูกแช่แข็ง ก๊าซไนโตรเจนและออกซิเจนจะแปรสภาพเป็นของเหลว นอกจากนี้ชั้นบรรยากาศจะกลายสภาพเป็นฝุ่นผงอันเกิดจากภาวะความกดอากาศต่ำ ซึ่งความรุนแรงของมันเทียบได้กับแรงกระเพื่อมจากระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว และเมื่อโลกต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอันร้ายแรงเช่นนี้ เจ้าหญิงและเจ้าชายจะต้องจบชีวิตจากการเผาไหม้และพิษจากไนโตรเจนเหลวอย่างแน่นอน
ร่างของ เจพเพ็ตโต ต้องถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ หลังถูกวาฬกลืนเข้าไป
ในเรื่องราวของ Pinocchio มีตอนหนึ่งที่เล่าว่าช่างไม้อย่าง เจพเพ็ตโต ถูกวาฬยักษ์ มอนสโตร กลืนหายเข้าไปในท้อง ซึ่งท้ายที่สุดเขาสามารถหนีออกมาได้ขณะที่มันจาม แต่อย่างไรก็ตามในมุมมองของนักชีววิทยา แบรดฟอร์ด ฮอว์กินส์ กลับให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า แท้จริงแล้วร่างกายของช่างไม้จะถูกบดเป็นชิ้น ๆ จากฟันอันแหลมคมของวาฬมากกว่าจะถูกกลืนลงไปโดยตรง เนื่องจากระบบย่อยอาหารของมันไม่สามารถย่อยเนื้อสัตว์เลือดอุ่นได้ดีเท่าไรนัก ดังนั้นหากเจพเพ็ตโตถูกวาฬคายออกมาจริง ๆ ร่างกายของเขาต้องเละเป็นโจ๊กอย่างแน่นอน
เมื่อเจ้าหญิงนิทรากลายเป็นเจ้าหญิงโคม่า
ว่ากันว่ามีเพียงจุมพิตจากเจ้าชายเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าหญิงออโรร่าฟื้นการการหลับใหลอันเป็นนิรันดร์ แต่เอาเข้าจริงเธออาจไม่มีวันได้พบเจ้าชายเพราะอาการหลับลึกที่วิทยาศาตร์เรียกว่า โคม่า นี่แหละ โดยทางการแพทย์อธิบายว่า หากนี่เป็นเรื่องจริงเธอจะเสียชีวิตภายใน 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากภาวะขาดน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นผิวหนังของเธอจะแห้งเป็นเกล็ด แถมลมหายใจก็จะมีกลิ่นชวนแหวะจนใคร ๆ ต้องวิ่งหนีอีกต่างหาก อึ๋ยยย
ถึงแม้ในการ์ตูนจะบอกว่า อันนา และเอลซ่า ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหลังจากพี่สาวปล่อยพลังน้ำแข็งใส่น้องโดยไม่ตั้งใจ แต่ในความเป็นจริงอันนาอาจเสียชีวิตด้วยภาวะร่างกายเย็นจัด (Cryogenics) ไปตั้งนานแล้ว เพราะพลังน้ำแข็งของเอลซ่าจะทำให้เลือดในร่างกายของเธอแข็งตัวจนไม่สามารถหล่อเลี้ยงอวัยวะได้ ยิ่งไปกว่านั้นเซลล์ในร่ายกายก็จะแข็งตัวตามไปด้วย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่สามารถช่วยชีวิตให้มนุษย์รอดจากภาวะถูกแช่แข็ง
The Lion King คือการ์ตูนที่ใกล้เคียงวิทยาศาตร์มากที่สุด
หากไม่นับเรื่องสัตว์พูดได้แล้วละก็ The Lion King จะถือเป็นการ์ตูนดิสนีย์ที่ใกล้เคียงกับวิทยาศาสตร์มากที่สุดเรื่องหนึ่งเชียวล่ะ โดยสิ่งที่ทำให้เราเชื่อแบบนั้นน่าจะเป็นประโยคสุดแสนจะวิทยาศาสตร์ ของ พุมบ้า ที่บอกว่า "ฉันคิดเสมอว่ามันคือกลุ่มแก๊สที่ถูกเผาไกลออกไปเป็นล้านไมล์" แต่เอ๊ะ ! หากตัวละครน้อยใหญ่ในเรื่องมารวมตัวกันได้จริง ๆ พวกมันไม่เขมือบกันเองไปหมดแล้วเหรอ ?
คิดไม่ถึงเลยใช่ไหมล่ะว่าความจริงแต่ละอย่างจะหักล้างจินตนาการของ เราได้ถึงเพียงนี้ แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลทั้งหมดก็เป็นเพียงการอธิบายแบบขำ ๆ จากบรรดานักวิทยาศาสตร์นะ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรการ์ตูนจากดิสนีย์ก็ทำให้คนดูอย่างเราตกหลุมรักได้อยู่ดี
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
BuzzFeed โดย Dan Meth