หลังจากหนังสุดระทึกอย่าง Divergent สร้างปรากฏการณ์ด้านความนิยมและรายได้เมื่อปี 2014 มาคราวนี้การผจญภัยหน้าใหม่จากนวนิยายของ เวโรนิก้า รอทห์ (Veronica Roth) กลับมาอีกครั้งในภาค 2 ที่ชื่อว่า Insurgent ซึ่งหลายคนได้พิสูจน์ความตื่นตาเป็นที่เรียบร้อย แต่รู้หรือเปล่าว่าเบื้องหลังความสนุกในภาคนี้เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ต่างจากหนังสือพอสมควร ดังเช่นที่เว็บไซต์ Cinemablend ได้รวบรวมความแตกต่าง 11 ข้อระหว่าง Insurgent เวอร์ชั่นหนังและหนังสือมาให้เราได้ชมกัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าเนื้อหาหลังจากนี้มีไว้สำหรับคนที่ดูหนังมาแล้วเท่านั้น หากคุณไม่อยากถูกสปอยด์ก็ข้ามไปได้เลย
คาแรคเตอร์ โจฮันนา ถูกลดบทบาทลง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Divergent Series
นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ออคตาเวีย สเปนเซอร์ (Octavia Spencer) รับบทหัวหน้ากลุ่มรักสันติ (Amity) ที่ปรากฏตัวในภาคนี้เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามคาแรคเตอร์นี้จะถูกลดความสำคัญลงจากเวอร์ชั่นหนังสือ ซึ่งเราจะไม่เห็นเธอเข้าประชุมกับ มาร์คัส แถมบาดแผลบนใบหน้าของเธอก็แทบไม่ปรากฏเลยด้วยซ้ำ
มาร์คัส แทบไม่มีบทบาทในภาคนี้เลยเช่นกัน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Divergent Series
มาร์คัส มีชะตากรรมแบบเดียวกับ โจฮันนา ที่ถูกพูดถึงในภาคนี้น้อยเหลือเกิน โดยเขาปรากฏตัวเพียงต้นเรื่องเพื่อบอกว่า แท้จริงแล้วแม่ของ ทริซ กำลังอยู่ในภารกิจอื่นขณะโผล่มาช่วยชีวิตลูกสาว พอหลังจากจบฉากนี้เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเสียอย่างนั้น นั่นหมายความว่า ทริซ ต้องหาสรุปเกี่ยวกับกลุ่มทรงปัญญา (Erudite) โดยไม่รู้เลยว่าผู้นำกลุ่มทรงผู้ปกครอง (Abnegation) คอยหนุนหลังเธออยู่
ทริซ สามารถใช้ปืนได้อย่างไร้ปัญหา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mongkol Major
ดูเหมือนแผลใจจากการสังหารเพื่อนรัก วิล จะไม่ทำให้ ทริซ รู้สึกผิดต่อการจับปืนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งประเด็นนี้ต่างจากเวอร์ชั่นหนังสือที่อธิบายว่า ทริซ เสียใจกับการตายของเพื่อนจนไม่สามารถใช้อาวุธที่มีกระสุนได้อีกเลย
เจอนีน อยากรู้เหลือเกินว่าอะไรอยู่ในกล่องปริศนา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mongkol Major
หากใครที่ได้ชมหนัง Insurgent ก็คงจะเห็นกันไปแล้วว่า กล่องปริศนาใบนี้คือสิ่งที่ตัวร้าย เจอนีน อยากรู้เหลือเกินว่าอะไรอยู่ข้างใน ซึ่งความจริงนี่คือกล่องที่แม่ของ ทริซ พยายามจะปกป้องและเป็นสาเหตุให้สมาชิกกลุ่มผู้ปกครองถูกสังหาร ซึ่งความลับที่อยู่ในกล่องนี้คือความรู้ที่ ทริซ และเจอนีน ต้องการเข้าถึง
สมาชิกกลุ่มไร้สังกัดที่นำตัว ทริซ และโฟร์ มาส่งให้กับ เอเวอลิน ไม่ใช่เด็กหนุ่ม เอ็ดเวิร์ด จากภาคแรก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mongkol Major
หากอ้างอิงตามเวอร์ชั่นหนังสือ เอ็ดเวิร์ด คือลูกน้องตัวจริงของ เอเวอลิน ผู้นำกลุ่มไร้สังกัดในภาคนี้ แต่ด้วยบทบาทที่ไม่สำคัญและฉากสูญเสียดวงตาอันโหดร้ายในภาคแรก ทำให้บทของเขาต้องกระเด็นไปอยู่ในฉาก Deleted scene อย่างน่าเสียดาย ด้วยเหตุนี้ทีมงานต้องเขียนตัวละครขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อว่า เอ็ดการ์ด เพื่อให้ต่อเนื่องกับภาคที่แล้วอย่างลงตัว
มีเครื่องมือที่จะบอกทีมของ อีริค ว่าแต่ละคนมีระดับไดเวอร์เจนท์ในตัวกี่เปอร์เซ็นต์
ถึงแม้เป้าหมายหลักของ เจอนีน คือการไล่ล่ากลุ่มไดเวอร์เจนท์เหมือนในหนังสือ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรู้ว่าใครคือกลุ่มคนเหล่านั้นบ้าง ด้วยเหตุนี้ Insurgent จึงแนะนำให้เรารู้จักเครื่องวัดระดับไดเวอร์เจน เป็นครั้งแรกบนจอเงิน อุปกรณ์ที่หัวหน้าจอมโหดอย่าง อีริค มีติดตัวไว้นั่นแหละ
ตอนจบของหนังและหนังสือต่างกัน
ในหนัง Insurgent ทริซ ถูกกลุ่มผู้ทรงปัญญาจับตัวได้ในที่สุด และเธอพยายามเปิดกล่องปริศนาเพื่อดูว่าอะไรซ่อนอยู่ข้างใน แต่รู้หรือเปล่าว่าในเวอร์ชั่นหนังสือไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ เนื่องจากเธอต้องแทรกซึมเข้าไปยังกลุ่มผู้ทรงปัญญา ในขณะที่กลุ่มผู้กล้าและกลุ่มไร้สังกัดต้องการบุกทำลายทุกสิ่งให้สิ้นซาก ยิ่งไปกว่านั้นตัวละครสำคัญอย่าง มาร์คัส และอดีตสมาชิกผู้ทรงปัญญา คาร่า จะไม่มีบทบาทในตอนท้ายแต่อย่างใด
กลุ่มรักสันติไม่มีบทบาทเท่าที่ควร
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Divergent Series
ความสำคัญของกลุ่มรักสันติคือผู้หวังดีที่อยากให้กลุ่มทรงปัญญา และกลุ่มผู้กล้าหยุดฆ่าฟันกันได้แล้ว จริงอยู่ที่การลดบทบาทของกลุ่มรักสันติไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องเท่าไร แต่นั่นทำให้บทของผู้นำกลุ่มอย่าง ออคตาเวีย สเปนเซอร์ และสมาชิกคนอื่น ๆ ลดลงตามไปด้วย
จุดเปลี่ยนให้ ปีเตอร์ หันมาชอบ ทริซ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Divergent Series
แทนที่จะช่วย ปีเตอร์ ให้รอดชีวิตจากดงกระสุนระหว่างอยู่ในเขตของกลุ่มรักสันติ ในเวอร์ชั่นหนัง ทริซ เปลี่ยนมาช่วยชีวิตเขาระหว่างอยู่ในโลกจำลอง ซึ่งไม่ว่าจะรอดชีวิตจากเหตุการณ์ใดก็ตาม ปีเตอร์ รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณต่อ ทริซ จนพาเธอและโฟร์ หลบหนีก่อนที่ความลับในกล่องปริศนาจะถูกไขจนสำเร็จ
กลุ่มไร้สังกัดไม่ได้กุมอำนาจทั้งหมดในตอนจบ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Mongkol Major
ในฉบับหนังสือ ทริซ ไม่ค่อยไว้ใจความสัมพันธ์ระหว่าง โฟร์ และเอเวอลีน ซึ่งความรู้สึกนี้สมเหตุสมผลเนื่องจากกลุ่มไร้สังกัดหักหลังกลุ่มผู้กล้าในช่วงท้ายของนิยาย แต่ในเวอร์ชั่นหนังทุกอย่างจบลงอย่างแฮปปี้ จนกระทั่ง เอเวอลีน เผชิญหน้ากับ เจอนีน ขณะที่คนอื่น ๆ มุ่งหน้าไปที่กำแพง
แท้จริงแล้ว เจอนีน ถูกฆ่าโดย โทรี่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Divergent Series
ชาตะกรรมของผู้นำกลุ่มทรงปัญญา เจอนีน ถูกสังหารอย่างเลือดเย็นโดยฝีมือของ เอเวอลิน ต่างจากฉบับหนังสือที่เล่าว่า เจอนีน ถูกฆ่าด้วยน้ำมือของ โทรี่ ที่ลงมือเพราะอยากแก้แค้นให้น้องชาย
ความตื่นตาของการผจญภัยในโลกของ Insurgent ยังยืนโรงฉายให้พิสูจน์ความเจ๋งทุกโรงภาพยนตร์ ส่วนหนังภาค 3 ที่ชื่อว่า The Divergent Series : Allegiant จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ตอน โดยเข้าฉายในวันที่ 18 มีนาคม 2016 และ 24 มีนาคม 2017 ตามลำดับ