ยลโฉม 17 นักแสดงฮอลลีวูดมืออาชีพที่ยอมลดน้ำหนัก เพิ่มน้ำหนัก เพื่อสวมบทของตัวเองออกมาให้สมจริงที่สุด
ในโลกที่มีการแข่งขันสูงอย่างเช่นฮอลลีวูด การทุ่มเทเพื่อบทบาทของตัวเองคือสิ่งที่นักแสดงต้องทำใจยอมรับ เพราะนอกจากผลงานจะออกมาสมจริงแล้ว ยังหมายถึงอนาคตของหน้าที่การงานที่จะเพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เห็นนักแสดงหลายท่านยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อรับบทสำคัญมากมาย ดังเช่นข้อมูลที่เรารวบรวมจากเว็บไซต์ Moviepilot ที่จะทำให้คุณรู้จักกับ 17 นักแสดงที่ทุ่มทุนเปลี่ยนตัวเองเพื่อบทบาทอันสมจริง ไปดูกันเลยว่าพวกเขาเหล่านั้นมีใครบ้าง
1. แอนน์ แฮทธาเวย์ (Anne Hathaway) จาก Les Miserablés
3 สัปดาห์ก่อนเปิดกล้องหนัง Les Miserablés เธอเริ่มต้นลดน้ำหนัก 25 ปอนด์ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากนักโภชนาการ เธอกล่าวว่าที่ต้องทุ่มทุนอดอาหารขนาดนี้ก็เพื่อการถ่ายทำเพียง 13 วันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เพราะไม่อยากส่งเสริมวิธีการลดน้ำหนักอย่างเธอกับวัยรุ่นโดยทั่วไป
2. เรเน่ เซลเวเกอร์ (Renee Zellweger) จาก Bridget Jones\'s Diary
หนทางง่าย ๆ สู่การเพิ่มน้ำหนักกว่า 20 ปอนด์ คือการกินอาหารที่สาว ๆ หลายคนไม่อยากแตะต้อง อาทิ โดนัท พิซซ่า ช็อกโกแลต โดยเธอยอมรับว่าการเพิ่มน้ำหนักด้วยวิธีดังกล่าวส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น เมื่อกลับมารับบทเดิมอีกครั้งในหนังภาค 2 เธอจึงระมัดระวังมากขึ้นภายใต้การดูแลของนักโภชนาการ
ความตั้งใจเดิมของผู้กำกับ แบรด แอนเดอร์สัน (Brad Anderson) ต้องการให้เขาลดน้ำหนักลงเพียงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้น คริสเตียน เบล ยังเดินหน้าลดน้ำหนักอย่างเต็มที่เพื่อสวมบทชายผู้เป็นโรคนอนไม่หลับ ช่วงเวลาหลายเดือนระหว่างการเตรียมตัวถ่ายทำ เขากินเพียงแอปเปิลและกาแฟเป็นอาหาร จนในที่สุดน้ำหนักของเขาก็ลดลง 63 ปอนด์ โดยมีน้ำหนักต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่นักโภชนาการแนะนำถึง 20 ปอนด์
4. ชาร์ลิซ เธอรอน (Charlize Theron) จาก Monster
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Charlize Theron
การสวมบทเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีตัวตนจริง ทำให้เธอต้องเพิ่มน้ำหนักกว่า 30 ปอนด์ โกนคิ้ว และสวมฟันปลอมขณะเข้าฉาก อย่างไรก็ตาม ความทุ่มเททั้งหมดนับว่าคุ้มค่า เพราะเธอสามารถคว้ารางวัลออสการ์ตัวแรกมาครองจากบทนี้ได้สำเร็จ
"เอาตรง ๆ นะ บางทีผมก็โคตรเกลียดมันเลย" คำพูดสั้น ๆ ที่อธิบายความรู้สึกของ แมทธิว ฟ็อกซ์ ผู้ลดน้ำหนัก 44 ปอนด์ เพื่อสวมบทฆาตกรต่อเนื่อง โดยทันทีที่ผลงานของเขาเข้าฉาย เขาจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่อยู่บนจอคือตัวเอง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Dallas Buyers Club
ผลจากการทุ่มเทลดน้ำหนักกว่า 47 ปอนด์ ทำให้เขาสามารถสวมบทเป็นชายผู้ติดเชื้อ HIV ได้อย่างสมจริง ครั้งหนึ่งเขาเคยเปิดใจว่า ตลอดเวลาของการลดน้ำหนักทำให้เขารู้สึกหิวและหงุดหงิด และต่อให้อยากอาหารมากเท่าไรก็ไม่มีใครนำมาป้อนให้กินอยู่ดี
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Black Swan
น้ำหนักที่ลดลงมากว่า 20 ปอนด์ เกิดจากการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อสวมบทเป็นนักบัลเลต์ เธอเล่าว่าต้องใช้เวลาฝึกฝนวันละ 4 ชั่วโมง ทุกวันตลอด 7 เดือน วันเดียวที่เธอได้หยุดพักคือวันเกิดของเธอ และอีกครึ่งวันสำหรับการเตรียมตัวไปงานเอมมี่และลูกโลกทองคำ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Black Swan
เพื่อให้รูปร่างผอมบางเหมือนนักบัลเลต์ตัวจริง นาตาลี พอร์ตแมน ต้องลดน้ำหนักกว่า 20 ปอนด์ ควบคู่ไปกับการซ้อมบัลเลต์อย่างหนัก "มีบางคืนเหมือนกันนะที่ฉันรู้สึกว่ากำลังจะตายจริง ๆ"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Cast Away
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1992 เขาเคยเพิ่มน้ำหนัก 30 ปอนด์ เพื่อรับบทโค้ชเบสบอลมาแล้วใน A League of Their Own จากนั้นในอีกไม่กี่ปีถัดมา เขาลดน้ำหนักลงมา 30 ปอนด์ เพื่อหนังเรื่อง Philadelphia จนทำให้เขาชนะรางวัลออสการ์ ส่วนการรับบทครั้งสำคัญในเรื่อง Castaway ทำให้ต้องลดน้ำหนัก 50 ปอนด์ ภายในเวลาเพียง 4 เดือน
จากหนุ่มร่างตุ้ยนุ้ยที่หลายคนมองข้าม คริส แพรตต์ ใช้เวลา 6 เดือนในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อบท สตาร์ลอร์ด ในหนังซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel เขากล่าวว่าการออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ 6 เดือนที่ผ่านมาช่างคุ้มค่าและผ่านไปเร็วอย่างไม่รู้ตัว
หลังลดน้ำหนักกว่า 30 ปอนด์ เพื่อรับบทนักข่าวจอมโลภใน Nightcrawler แต่ถึงอย่างนั้นความแข็งแกร่งของ เจค จิลเลนฮาล ถูกทดสอบอีกครั้งเมื่อเขาต้องเพิ่มน้ำหนักอีก 45 ปอนด์ เพื่อสวมบทเป็นนักมวยหุ่นล่ำในหนังเรื่อง Southpaw ถือเป็นดาราเพียงไม่กี่คนที่ต้องเปลี่ยนตัวเองแบบสุดขั้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก The Informant!
ขณะที่คนอื่น ๆ ต้องทนทุกข์กับการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง แต่สำหรับกรณีของ แมตต์ เดมอน กลับรู้สึกว่าการเพิ่มน้ำหนักราว 30 ปอนด์ เพื่อสวมบทสายลับ เป็นเรื่องที่สนุกที่สุดในชีวิตของเขา "ผมแค่กินทุกอย่างที่ขวางหน้าในช่วงเวลาไม่กี่เดือน"
การลดน้ำหนัก 40 ปอนด์ เพื่อสวมบทสาวประเภทสองที่ป่วยเป็น HIV ช่วยให้เขาเปลี่ยนวิธีการเดิน วิธีการนั่ง หรือแม้แต่วิธีการคิด ส่วนการเพิ่มน้ำหนัก 67 ปอนด์ เพื่อหนังเรื่อง Chapter 27 ส่งผลให้เขาเป็นเกาต์ และปริมาณคอเลสเตอรอลสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนคุณหมอตกใจ
การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจเพื่อสวมบทนักฟุตบอลที่ป่วยเป็นมะเร็ง ทำให้แฟน ๆ ตกใจเมื่อเขาเปิดตัวครั้งแรกทางทวิตเตอร์ วิธีการลดน้ำหนักของเขาคือการคุมอาหารอย่างเคร่งครัดและออกกำลังกาย 3 ชั่วโมงต่อวัน ผลลัพธ์ที่ได้คือน้ำหนักที่หายไปกว่า 54 ปอนด์
รัสเซล โครว์ เล่าให้ฟังว่า สิ่งที่ทำให้เขาเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็วคือการเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุดและกินทุกอย่างที่ขวางหน้า สรุปแล้วเขาเพิ่มน้ำหนักได้ 63 ปอนด์ เพื่อรับบทเป็นเจ้าหน้าที่ CIA ที่ปล่อยตัวเองจนอ้วนเผละ
ภาพจาก Parallel Films
ในช่วงที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าสื่อด้วยร่างกายซูบผอม หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเขากลับไปเล่นยาเสพติดอีกหรือเปล่า แต่แท้จริงแล้วเขาลงทุนลดน้ำหนักเพื่อรับบทช่างภาพใน Triage "ผมลดน้ำหนักเพราะมันจำเป็นกับบทของผม แต่ทุกอย่างปลอดภัยต่อสุขภาพนะ"
โรเบิร์ต เดอ นิโร เพิ่มน้ำหนัก 60 ปอนด์ เพื่อรับบทนักมวยรุ่นมิดเดิลเวต ผู้ประสบความสำเร็จทางอาชีพแต่มีอารมณ์โมโหร้าย "15 กิโลแรกก็สนุกดีอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นคืองานยากของจริง"
เห็นแบบนี้ต้องขอบอกเลยว่าการเป็นดาราระดับโลกไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะนอกจากจะต้องมีทักษะการแสดงอันเป็นเลิศแล้ว ความทุ่มเทก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จเหมือนกัน