นับตั้งแต่ปลายยุค 1970 เทคโนโลยี CGI (Computer-generated imagery) มีส่วนอย่างมากต่อการสร้างหนัง ความสมจริงต่าง ๆ ในฉากต่อสู้ ฉากหายนะ หรือการเนรมิตโลกเสมือนจริงขึ้นมา ล้วนต้องพึ่งพาเทคนิค CGI เป็นเครื่องมือหลักด้วยกันทั้งสิ้น ตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนคือ The Jungle Book ที่พลิกโฉมแอนิเมชั่นเมื่อปี 1967 แบบหน้ามือเป็นหลังมือ โดยเว็บไซต์ Business Insider จัดอันดับหนัง 23 เรื่องที่มีความโดดเด่นด้านเทคนิค CGI มากที่สุด มาให้เราย้อนดูว่าเทคโนโลยี CGI ก้าวกระโดดขนาดไหน
คุณูปการที่หนังภาคแรก Star Wars มีต่อวงการภาพยนตร์ คือการพลิกโฉมการสร้างด้วยเทคโนโลยี CGI จนก้าวหน้าแบบทุกวันนี้ โดยผู้กำกับ จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ก่อตั้งบริษัทสร้างเทคนิคพิเศษ Industrial Light and Magic มาเพื่อสร้างหนังไซไฟโดยเฉพาะ อันที่จริง Star Wars ภาคนี้ยังใช้เทคนิคพิเศษแบบทำมือค่อนข้างมาก แต่มีการใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยบางฉาก เช่น ฉากปะทะระหว่างฝ่ายจักรวรรดิกับฝ่ายกบฏในช่วงต้นเรื่อง
2. Jurassic Park (1993)
การปลุกไดโนเสาร์ตัวเป็น ๆ ให้มีชีวิตใน Jurassic Park เป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบแดงของบริษัท Industrial Light and Magic เทคนิคพิเศษอันยอดเยี่ยมในเรื่องนี้ทำให้ จอร์จ ลูคัส ได้แรงบันดาลใจสร้างภาคปฐมบทของ Star Wars เพราะเขาเชื่อว่าเทคโนโลยีถูกพัฒนาในระดับที่น่าพอใจแล้ว
3. Avatar (2009)
เทคนิคพิเศษสุดอลังการในหนังเรื่อง Avatar คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี CGI ก้าวกระโดดไปไกลเกินกว่าที่เราคาดคิด ผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน รอคอยสร้างหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงปี 1990 เพื่อรอเวลาให้เทคโนโลยี CGI มีความพร้อมมากที่สุด จนในที่สุดเขาตัดสินใจสร้าง Avatar หลังจากได้ชมเทคนิคพิเศษในหนังเรื่อง The Lord of the Rings: The Two Towers
4. The Lord of the Rings: The Two Towers (2002)
การสร้างตัวละคร กอลลั่ม ให้เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ และแสดงสีหน้าอย่างมีชีวิต คือผลงานชิ้นโบแดงของบริษัท Weta Workshop ที่ยกระดับเทคโนโลยี CGI ให้สูงขึ้นอีกขั้น ส่วนคนที่สวมวิญญาณเป็นตัวละครนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เพราะเขาคือ แอนดี้ เซอร์คิส (Andy Serkis) ตัวพ่อแห่งการแสดงด้วยเทคนิคโมชั่นแคปเจอร์
5. The Matrix (1999)
ฉากแอ็คชั่นในหนังเรื่อง The Matrix มีความก้าวกระโดดและล้ำหน้ากว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ในยุคนั้น เพราะเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ที่อยู่ในหนังเป็นสิ่งที่ผู้ชมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยเทคนิคการถ่ายทำในเรื่อง The Matrix กลายเป็นมรดกที่เปลี่ยนแปลงวิธีการถ่ายทำหนังแอ็คชั่นมาจนถึงทุกวันนี้
6. Terminator 2: Judgment Day (1991)
เจมส์ คาเมรอน เคยสร้างตัวร้ายในภาคแรก The Terminator ด้วยเทคนิคพิเศษแบบบ้าน ๆ แต่เมื่อหนังภาค 2 ต้องการหุ่นยนต์วายร้ายที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า เทคนิค CGI จึงมีส่วนช่วยในการสร้างหุ่นยนต์ T-1000 ที่ทำจากโลหะเหลว จนกระทั่งตัวละครนี้กลายเป็นที่จดจำของแฟนหนังหลายรุ่น
7. TRON (1982)
ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังไซไฟแห่งยุค 80 เทคนิคพิเศษของหนังเรื่องนี้ย่อมไม่ธรรมดา ในเรื่องนี้ Disney พาผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งวิดีโอเกม โดยถ่ายทำเป็นภาพขาว-ดำก่อนใช้คอมพิวเตอร์เติมสีเข้าไปทีหลัง เกร็ดขำ ๆ ที่หลายคนอาจยังไม่ทราบคือ หนังเรื่องนี้หมดสิทธิ์เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม เพราะถูกมองว่าการใช้คอมพิวเตอร์เข้าช่วยคือการโกง
8. The Abyss (1989)
ในยุคที่เทคนิค CGI ยังเป็นของใหม่ เจมส์ คาเมรอน นำตัวช่วยดังกล่าวมาทำให้หนังดูน่าสนใจยิ่งขึ้น กำไรของผู้ชมคือความรู้สึกอินไปกับเรื่องราว โดยเฉพาะความน่ากลัวของสัตว์ประหลาดใต้ท้องทะเลที่ต้องขอบคุณเทคโนโลยีล้วน ๆ
9. Pirates of the Caribbean: Deand Man’s Chest (2006)
Pirates of the Caribbean ทำให้ผู้ชมร้องว้าวไปกับการปรากฏตัวของ เดวี่ โจนส์ โจรสลัดปลาหมึกที่มีหนวดเคลื่อนไหวได้ ซึ่งเจ้าของบทบาทอย่าง บิล ไนอี (Bill Nighy) ต้องแต่งหน้าบริเวณรอบดวงตาและปาก เพื่อป้องกันความผิดพลาดทางเทคนิค และเพื่อความสมจริงเมื่อกล้องซูมเข้าใบหน้า
10. Minority Report (2002)
ด้วยแนวคิดสุดล้ำของผู้กำกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) หนังเรื่องนี้ใช้เทคนิค CGI เนรมิตเทคโนโลยีแห่งอนาคตให้กลายเป็นจริงต่อหน้า และน่าทึ่งเหลือเกินที่เทคโนโลยีบางอย่างในหนังถูกพัฒนาขึ้นแล้วในความเป็นจริง
Rise of the Planet of the Apes กลับมาอีกครั้งในรอบ 40 ปี พร้อมเทคนิคพิเศษที่ก้าวกระโดดตามยุคสมัย มาคราวนี้ แอนดี้ เซอร์คิส สวมบทวานร ซีซาร์ ด้วยเทคนิคโมชั่นแคปเจอร์ ซึ่งทำให้ตัวละครนี้ดูสมจริงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
12. Transformers (2007)
สำหรับหนังที่มีหุ่นยนต์สู้กันไปมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคนิค CGI กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้ หนังแฟรนไชส์ Transformers คือเครื่องพิสูจน์เทคโนโลยีการสร้างหนังในยุครุ่งเรืองถึงขีดสุด ส่วนจะรุ่งได้กว่านี้อีกไหมคงต้องรอชมในภาคใหม่ ๆ ที่เตรียมปล่อยตามมาอีกหลายปี
13. The Day After Tomorrow (2004)
หนังหายนะที่โดดเด่นที่สุดในยุค 2000 ฉายให้เห็นความโกลาหลของโลกที่กำลังจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง ในเรื่องนี้เราได้เห็นความรุนแรงของคลื่นยักษ์ พายุทอร์นาโด ที่ทำออกมาสมจริงเสียจนหนังหายนะรุ่นเก่าอย่าง Deep Impact และ Armageddon ต้องชิดซ้าย
14. King Kong (2005)
ปีเตอร์ แจ็คสัน (Peter Jackson) หยิบความคลาสสิกของหนังเรื่อง King Kong มาปัดฝุ่นใหม่ ด้วยเทคโนโลยี CGI ที่ไฉไลยิ่งกว่า ในเรื่องนี้ แอนดี้ เซอร์คิส มาสวมวิญญาณเป็นคิงคองตัวเอกของเรื่อง ซึ่งได้รับคำชมว่าสวยงามสมจริงไม่แพ้สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในเรื่อง
15. War of the Worlds (2005)
ไฮไลต์สำคัญของหนังเรื่องนี้คือฉากระเบิดสะพานบายอนน์ (Bayonne Bridge) ซึ่งเชื่อมระหว่างรัฐนิวยอร์กกับนิวเจอร์ซีย์ เดิมทีฉากนี้ถูกออกแบบเป็นเพียงฉากปั๊มน้ำมันระเบิด แต่ภายหลัง ตัดสินใจว่าอยากทำอะไรมากกว่านั้น จนในที่สุดบริษัทก็รับหน้าที่สร้างฉากระเบิดสะพานที่หลายคนจดจำ กลายเป็นไฮไลต์สำคัญที่คุ้มค่าแก่การลงทุนอย่างยิ่ง
16. Inception (2010)
ในการเจาะลึกสู่ความฝันของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ (Leonardo DiCaprio) เทคนิค CGI จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างภาพเหนือจริงต่าง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงทำให้ผู้ชมอินไปกับหนังมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสานฝันในหัวของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ให้จับต้องได้อีกด้วย
17. District 9 (2009)
ในการสร้างภาพเอเลี่ยนที่ใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ ผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ (Neill Blomkamp) ต้องพัฒนาเทคนิค CGI อยู่นานนับปี เพื่อสร้างสรรค์เอเลี่ยนหน้าตาประหลาดออกมาอย่างสมจริงที่สุด โดยเอเลี่ยนทุกตัวรับบทโดย เจสัน โคป (Jason Cope)
18. Sin City (2005)
หนังทริลเลอร์ของสองผู้กำกับ แฟรงค์ มิลเลอร์ (Frank Miller) และโรเบิร์ต รอดริเกซ (Robert Rodriguez) โดดเด่นด้วยการใช้ภาพขาว-ดำตัดกับการแทรกสีสด ๆ ลงไปบางส่วน ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากการใช้เทคนิคพิเศษอย่างมีชั้นเชิง ขอบคุณเทคนิค CGI ที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีศิลปะอย่างแท้จริง
19. The Curious Case of Benjamin Button (2008)
ไอเดียการสร้างหนังเกี่ยวกับชายที่เติบโตจากวัยแก่ไปหาเด็ก ถูกพูดถึงมาตั้งแต่ยุค 1980 โดยสองผู้กำกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก และแฟรงค์ ออซ (Frank Oz) แต่น่าเสียดายที่ไอเดียดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นจริงเพราะข้อจำกัดทางเทคโนโลยี จนในที่สุด เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) หยิบพล็อตเรื่องดังกล่าวมาสร้างให้กลายเป็นจริงช่วงต้นยุค 2000 พร้อมโชว์เทคนิค CGI ที่เปลี่ยน แบรด พิตต์ (Brad Pitt) จากวัยแก่สู่วัยเด็ก
20. 300 (2006)
นี่คือผลงานของผู้กำกับ แซค สไนเดอร์ (Zack Snyder) ที่เปลี่ยนฉากแอ็คชั่นเลือดสาดให้มีความสุนทรียะภาพสวย ๆ ของหนังเรื่องนี้เกิดจากการใช้เทคนิค CGI เนรมิตกองทัพนักรบสปาร์ตันนับร้อย ให้อยู่ในบรรยากาศยุค 480 ปีก่อนคริสตกาล เผลอ ๆ เทคนิคด้านภาพของหนังเรื่องนี้จะเด่นเกินหน้าซิกแพกของกองทัพนักแสดงชายเสียอีก
21. Pan’s Labyrinth (2006)
แม้เสื้อผ้าและองค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ จะส่งให้ Pan’s Labyrinth มีความโดดเด่น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความดีงามของ CGI ทำให้เราสนุกไปกับการผจญภัยของสาวน้อยตัวเอกมากขึ้น
22. The Perfect Storm (2000)
สร้างจากเหตุการณ์จริงของเรือตกปลา Andrea Gail ที่ต้องเผชิญกับมหาพายุคลั่งเมื่อปี 1991 หนังเรื่องนี้ของผู้กำกับ วูล์ฟกัง ปีเตอร์เซน (Wolfgang Petersen) ใช้เทคนิค CGI พิสูจน์ให้ผู้ชมเห็นว่าความน่ากลัวของคลื่นยักษ์เป็นอย่างไร สร้างสถานการณ์บีบคั้นให้ผู้ชมเชื่อว่าลูกเรือทั้งหมดกำลังตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต
23. The Black Hole (1979)
หนังไซไฟ-แฟนตาซี ที่ทำให้เด็ก ๆ ยุค 70 ต้องขวัญผวา เล่าเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์จิตคลั่งที่นำยานอวกาศมุ่งหน้าสู่หลุมดำ นอกจากเรื่องราวไซไฟที่ดาร์กเกินความคาดหมายแล้ว หนังเรื่องนี้ยังโชว์เทคนิค CGI ที่ผู้ชมในยุคนั้นไม่เคยเห็นมาก่อน
การแข่งขันของสตูดิโอต่าง ๆ มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยี CGI อย่างก้าวกระโดด นับจากนี้ไปคนดูอย่างเรา ๆ น่าจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ที่จะพลิกโฉมวงการหนังอีกหลายครั้งแน่นอน
ภาพจาก Lucasfilm, New Line Cinema, TriStar Pictures, 20th Century Fox, Universal Pictures, Sony Pictures, Dimension Films, Paramount Pictures, Picturehouse, Warner Bros., Disney