G-Force
มนต์เสื่อม "Half-Blood Prince" โดนหนูแทะ (สยามดารา)
หนังอนิเมชั่นผสมคนแสดงจริงในระบบ 3 มิติเรื่องแรกของดิสนีย์ เป็นผลงานกำกับของ ฮอยต์ ยีตแมน มือสเปเชียลเอฟเฟกต์เจ้าของรางวัลออสการ์ ที่มีแบ็กอัพชั้นดีอย่าง เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ นั่งแท่นโปรดิวเซอร์อยู่เบื้องหลัง พร้อมเพิ่มดีกรีความฮาด้วยเสียงพากย์ของนักแสดงดังอย่าง นิโคลาส เคจ, เพนเนโลเป้ ครูซ, แซม ร็อคเวลล์, สตีฟ บุสเซมี่ และจอห์น แฟฟโรว์
มาร์ค โซราดี้ ประธานกลุ่มภาพยนตร์ของดิสนีย์ แสดงความพอใจที่ผู้ชมตอบรับ โดย 56% ของรายรับมาจากการฉายในระบบ 3D ที่มีอยู่ 1,604 โรง "ไม่เคยมีใครเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องแข่งขันกับหนังฟอร์มใหญ่ 2 เรื่อง มันเป็นสุดสัปดาห์ฉายที่ 2 ของ Harry Potter และการเปิดตัวของ The Ugly Truth คุณไม่สามารถมั่นใจได้มากนัก"
ถึงจะห่างไกลหากนำไปเทียบ Alvin and the Chipmunks ของ ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ฟ็อกซ์ เมื่อปี 2007 ที่ทำรายรับรวมในสหรัฐฯ $217.3 ล้าน เป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลของหนังแนวสัตว์พูดได้ แต่ G-Force ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่า Bolt, Beverly Hills Chihuahua หรือ Cats & Dogs โดย 75% ของผู้ชมเป็นกลุ่มครอบครัวที่เป็นฐานสำคัญของสตูดิโอแห่งนี้มาตลอด ทำให้ คริส ลีรอย รองประธานบริหารอาวุโสฝ่ายจัดจำหน่ายดิสนีย์ ออกมาร่วมแสดงความยินดีว่า "มันเป็นหนังในแบบดิสนีย์มากๆ ที่จะสร้างความสนุกให้แม่, พ่อและพวกลูกๆ"
The Ugly Truth
ผลงานใหม่อีกเรื่อง The Ugly Truth หนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ที่ได้ แคเธอรีน ไฮเกล ประกบ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ สามารถทำเงินได้ $27.6 ล้านใน 2,882 โรง ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับหนังแนวนี้ที่เคยครองใจผู้ชมอย่าง How to Lose a Guy in 10 Days, Failure to Launch และ He\'s Just Not That Into You รวมทั้งความโชคดีที่ The Proposal ของนางเอกขวัญใจอเมริกันชน ซานดร้า บูลล็อก ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงเริ่มแผ่วหลังจากเข้าฉายมาถึง 6 สัปดาห์
"ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่ไม่น่าเกลียดอะไร" รอรี่ บรูเออร์ ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายโซนี่ ให้ความเห็น "หนังสามารถทำรายรับได้ดีอย่างที่เราคาดหวังว่าจะเป็นไปได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากเคมีที่ลงตัวระหว่าง แคเธอรีน ไฮเกล กับ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ จนทำให้ความสนุกระเบิดออกมา ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง ตั้งแต่รอบฉายทดลองที่สร้างกระแสแบบปากต่อปาก ทำให้เรารู้ว่าหลายคนต้องชอบหนังเรื่องนี้"
ด้วยเหตุผลนี้ทำให้บรูเออร์ ไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อเสียงวิจารณ์หลังจากเว็บไซต์ดัง Rotten Tomatoes มีคนเข้าไปโหวตแค่ 15% ว่าถูกใจหนังของพวกเขา "ถ้าผมต้องตัดสินใจเลือกระหว่างความเห็นของผู้ชมกับนักวิจารณ์ ผมขอเลือกผู้ชมอย่างไม่ลังเล พวกเขาพูดออกมาด้วยเสียงที่ดัง และชัดเจน"
Orphan
อีกเรื่องที่วอร์เนอร์ส่งมาเป็นทางเลือกในสุดสัปดาห์นี้ Orphan หนังสยองขวัญฝีมือผู้กำกับ ฆัวเม่ คอลเล็ตต์-เซร์ร่า (House of Wax,Goal II: Living the Dream) ทำรายรับอันดับ 4 $12.87 ล้านจากการเปิดตัวฉายใน 2,750 โรงถือว่าไม่ได้ย่ำแย่มากนัก หลังไม่มีหนังแนวนี้เข้าฉายมาตั้งแต่ Drag Me to Hell เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม และมีกลุ่มคนดู 63% อายุต่ำกว่า 25 ปี อย่างที่คาดหวังเอาไว้
Harry Potter and the Half-Blood Prince
ขอวนกลับมาพูดถึงแชมป์เก่า Harry Potter and the Half-Blood Prince อาจถูกมองว่าเสียฟอร์มหนังภาคต่อทุนสร้างสูงที่ทำรายรับสัปดาห์ที่ 2 $29.46 ล้านตกลงไป 62% แต่หากเทียบกับภาคก่อน The Order of the Phoenix มีรายรับลดลง 58% เหลือเพียง $32.5 ล้า นในสุดสัปดาห์ที่ 2 ถือว่าใกล้เคียงกันมาก โดยหากรวม 12 วันภาคใหม่ทำรายรับทะลุ $221.2 ล้านไปเรียบร้อย และการเข้าฉายในโรงไอแม็กซ์อย่างเต็มรูปแบบ 166 แห่งทำให้ระดับรายรับในสหรัฐฯ อาจไม่ตกลงมากนักในสัปดาห์นี้
"เราเข้าฉายในไอแม็กซ์ ช้าไปเล็กน้อย แต่จะเป็นแรงเสริมที่ยอดเยี่ยม และรักษาสมดุลของเราเอาไว้ต่อไป" แดน เฟลล์แมน ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายของ วอร์เนอร์ แสดงความมั่นใจ "แรงสนับสนุนจากไอแม็กซ์ในสัปดาห์นี้ จะทำให้หนังมุ่งหน้าเข้าสู่ $300 ล้าน (ในอเมริกาเหนือ) ที่จะกลายเป็นหนัง Harry Potter ที่ทำรายรับได้สูงสุดเป็นอันดับ 2"
แต่ในตลาดต่างประเทศผู้ชมยังให้การต้อนรับ Half-Blood Prince จนสามารถรักษาแชมป์เอาไว้ได้ด้วยตัวเลข $84.4 ล้านใน 64 ประเทศทำให้รายรับรวมทั่วโลกทะลุ $405.3 ล้านถือว่าเร็วกว่าภาคก่อน ถึงจะน้อยกว่าอันดับ 2 Ice Age: Dawn of the Dinosaurs ที่ทำเพิ่ม $40.5 ล้านจนทำให้ตัวเลขรวมแตะ $500 ล้านไปแล้ว
อีกเรื่องที่สร้างสถิติ Transformers: Revenge of the Fallen ผ่านสุดสัปดาห์ที่ 5 ด้วยรายรับ $8.12 ล้านทำให้ตัวเลขรวมเพิ่มเป็น $379.2 ล้าน เพียงพอจะทำให้เข้าสู่ 10 อันดับแรกของภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาลของสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะแซงอันดับ 9 Star Wars: Episode III - Revenge of the Sith ($380.3 ล้าน) ในอีกไม่กี่วันนี้ และมีลุ้นจะเขี่ย E.T.: The Extra-Terrestrial ผลงานไซไฟคลาสสิกของผู้กำกับ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ออกจากท็อปไฟฟ์อีกด้วย
(500) Days of Summer
แต่ท่ามกลางกระแสหนังฟอร์มยักษ์ทุนสร้างสูง ในตอนนี้ผู้คนวงในฮอลลีวูดกำลังจับตามอง (500) Days of Summer หนังรักอินดี้ที่ ฟ็อกซ์ เซิร์จไลท์ กำลังปลุกปั้นอย่างสุดความสามารถ หลังจากเพิ่มโรงฉายเป็น 85 แห่ง ทำรายรับได้ $1.63 ล้าน เพิ่มขึ้น 96% และมีตัวเลขเฉลี่ยต่อโรง $19,244 รวม 10 วันทำไปแล้ว $3 ล้าน มีลุ้นสร้างสถิติทำเงินสูงสุดของหนังเปิดตัวแบบจำกัดโรงของปี 2009 หลังจาก Sunshine Cleaning ทำเอาไว้ $12.1 ล้าน
อย่างไรก็ตามการที่มีผลงานใหม่เปิดตัวในวงกว้างพร้อมกัน 3 เรื่องในสุดสัปดาห์เดียว ส่งผลกระทบด้านลบต่อรายรับรวมบ็อกซ์ออฟฟิศเช่นกัน หลังจากตัวเลขออกมา $149 ล้านลดลง 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี The Dark Knight เข้าฉายเป็นสุดสัปดาห์ที่ 2 และถือเป็นสุดสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่ต้องแพ้ให้รายรับของปี 2008
พอล เดอร์การาเบเดี้ยน นักวิเคราะห์บ็อกซ์ออฟฟิศประจำเว็บ Hollywood.com เตือนให้ทุกสตูดิโอจดจำว่าหนังแนวครอบครัวเป็นตลาดหลักของผู้ชมช่วงซัมเมอร์ วัดได้จากอันดับ 1-2 สุดสัปดาห์นี้ที่ถูกจัดเรต PG (หนังที่เด็กต้องมีผู้ปกครองพาเข้าชม) เท่านั้น
"หน้าร้อนนี้เป็นเรื่องของความแตกต่าง และการพยายามหนีความเป็นจริงในชีวิต หลายคนต้องเจอปัญหายุ่งยากใจ และพวกเขาเลือกพาเด็กๆ ไปดูอะไรแบบนี้ เมื่อได้เห็นหนังตัวอย่างก็จะรู้สึกว่า "สร้างภาพแบบนี้ได้จริงงั้นเหรอ ?" ส่วนพวกเด็กๆ ก็จะพูดว่า "หนูอยากดูเรื่องนี้" มันเป็นหลักความจริงที่เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ หรือ ไมเคิล เบย์ (ผู้กำกับ Transformers) รู้เป็นอย่างดีว่าหนังซัมเมอร์แบบไหนที่ผู้ชมชอบ"
ในสุดสัปดาห์หน้าการแข่งขันยังคงสูสีไม่แพ้กันหลังจากฟ็อกซ์ ขอแบ่งกลุ่มผู้ชมครอบครัวด้วยหนังผจญภัยแฟนตาซี Aliens in the Attic ที่มี แอชลี่ย์ ทิสเดล ป็อปสตาร์คนสวยร่วมแสดงนำ ชนกับ Funny People ผลงานกำกับเรื่องแรกในรอบ 2 ปีของ จัดด์ อปาโทว์ เจ้าพ่อหนังตลกสัปดนที่จะมาเรียกเสียงฮากับ อดัม แซนด์เลอร์, เซ็ธ โรแกน และเอริค บาน่า สอดแทรกโดยฟรีสไตล์ รีลีสชิ่ง สตูดิโออิสระจะส่ง The Collector หนังแนวสยองขวัญของ มาร์คัส ดันสแตน มือเขียนบท Saw IV-VI ที่มาลองงานกำกับครั้งแรกที่จะเปิดตัวฉาย 1,500 โรง
ดูหนัง หนังใหม่ โปรแกรมหนัง หนังตัวอย่าง คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ