"มันเป็นประเทศโลกที่สาม.. มีสิ่งทอ มีคนเลี้ยงแกะ แล้วก็เครื่องแต่งกายเท่ ๆ.. นักสำรวจหลายคนตามหามันและเรียกมันว่า เอล โดราโด พวกเขาคิดว่ามันอยู่ในแอฟริกาใต้แต่จริง ๆ แล้วมันตั้งอยู่ในแอฟริกา ผมคือคนเดียวที่ได้เห็นและเป็นคนเดียวที่มีชีวิตรอดออกมาจากที่นั่น.." คือคำบอกเล่าถึง "วากานดา" จากปากของ ยูลีเซส คลอว์ (Ulysses Klaue) ในตัวอย่าง Black Panther ประเทศในทวีปแอฟริกาที่แฟน ๆ รู้แค่ว่า วากานดา มีกษัตริย์เสือดำ ที ชัลล่า เป็นผู้ปกครองสูงสุดและมี แร่ไวเบรเนียม ทรัพยากรสำคัญอันล้ำค่าอันดับต้น ๆ ของโลกซึ่งเป็นแร่โลหะที่ถูกนำไปสร้างโล่ให้กัปตันอเมริกาเพียงเท่านั้น ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ วากานดา จะถูกชนชาติอื่น ๆ เรียกว่าเป็นประเทศโลกที่สาม เพราะข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไปของประเทศก็ยังไม่ถูกเปิดเผยอะไรมากนักในจักรวาลหนังมาร์เวล
หมายเหตุ : เนื้อหาส่วนใหญ่หลังจากนี้จะอ้างอิงมาจาก Black Panther ฉบับการ์ตูน อาจมีการเปิดเผยถึงเนื้อหาไม่มากก็น้อย
- วากานดาในยุคประวัติศาสตร์
ย้อนกลับไปกว่า 10,000 ปีที่แล้ว วากานดาคือพื้นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมโบราณในแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งยังมีชนเผ่าเล็ก ๆ กระจัดกระจายอยู่ตามแหล่งที่อยู่อาศัยต่าง ๆ อย่างสันติ แต่แล้ววันหนึ่ง กลับมีอุกกาบาตดวงยักษ์พุ่งชน ณ ใจกลางเมืองเข้าอย่างจัง ! และแม้ว่าเมืองจะเสียหายไปมาก แต่ชาวเมืองก็ได้พบว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในลูกอุกกาบาตยักษ์คือแร่หายากมูลค่ามหาศาล โดยมีชายนาม บาเชนก้า (Bashenga) ก้าวเข้ามาดูแลจัดการพร้อมขึ้นเป็นกษัตริย์คนแรกผู้ผนึกแผ่นดินวากานดาเป็นปึกแผ่นในภายหลัง
หลังจากยุคสมัยของกษัตริย์บาเชนก้าสิ้นสุดลง วากานดาก็ยังคงเป็นประเทศราชและไม่คิดจะข้องเกี่ยวกับใคร นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าบางฉบับกล่าวไว้ว่า วากานดาหลบซ่อนตัวเองไว้หลังกำแพงขนาดยักษ์ที่ล้อมอยู่รอบประเทศและไม่เคยอนุญาตให้ใครรุกล้ำเข้าไปในเขตแดนเลยแม้แต่คนเดียว นั่นเป็นสาเหตุให้ประเทศทั่วโลกเรียกวากานดาว่าประเทศโลกที่สามอยู่บ่อยครั้ง
- เทคโนโลยีของวากานดาล้ำสมัยยิ่งกว่าสหรัฐอเมริกา !
หลังจากปิดตายประเทศจากชนชาติอื่น วากานดาเริ่มศึกษาเทคโนโลยีของทุกประเทศทั่วโลกแล้วหยิบข้อดีมาพัฒนาดัดแปลงจนมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ที่ทั้งมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมและล้ำสมัยขนาดที่แม้แต่อัจฉริยะอันดับหนึ่งของโลกก็ไม่สามารถแฮกข้อมูลลอกเลียนแบบได้ และแม้ภูมิประเทศจะเพียบพร้อมไปด้วยทรัพยากร แต่เครื่องจักรกลและยานพาหนะทั้งหลายในวากานดาไม่ต้องใช้น้ำมันให้เปลืองแม้แต่หยดเดียว เพราะบรรดานักวิทยาศาสตร์หัวใสเลือกใช้พลังงานธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่าง พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานความร้อนใต้พิภพ
- ไวเบรเนียม (Vibranium) หัวใจสำคัญแห่งวากานดา
วากานดาเป็นสถานที่ตั้งของ เมนา ไง (Mena Ngai) หรือ เกรท มาวด์ (Great Mound) ภูเขาที่ถูกสร้างมาจากแร่ไวเบรเนียม (Vibranium) หนึ่งในสองของแร่ที่แข็งแกร่งและหายากมากที่สุดในโลก (แร่หายากอีกชนิดคือ แร่อดาแมนเทียม (Adamantium) แร่เหล็กที่หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับโครงกระดูกของวูล์ฟเวอรีนจาก X-Men) การเป็นเจ้าของทรัพยากรสำคัญชั้นยอดทำให้วากานดาขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มั่งคั่งมากที่สุดในโลก ประชากรเองก็มีชีวิตความเป็นอยู่ดี มีนครหลวงใหญ่โตที่เพียบพร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคสุดเริด ส่วนระบบการศึกษาก็มีคุณภาพทั้งในหลักสูตรภาษาพื้นเมืองอย่าง วากานดัน โยรูบา และ เฮาซา รวมไปถึงหลักสูตรภาษาแอฟริกันและภาษาทวีปยุโรปทั้งหมด ด้านการแพทย์เองก็ไม่น้อยหน้าใครเพราะนอกจากจะก้าวไกลเกินกว่ามาตรฐานสากลแล้ว ประชาชนก็มีสิทธิ์ได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมกันทุกคน เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับภาษีที่ต้องจ่ายไปทุกบาททุกสตางค์จริง ๆ
นอกจากจะเป็นแหล่งทำเงินสำคัญของประเทศ ไวเบรเนียมยังเป็นแร่ที่บรรจุไปด้วยพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ สังเกตจากจุดร่วงตกของอุกกาบาตยักษ์ที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นรวมไปถึงเหล่าพืชผลกลับกลายร่างและกลายพันธุ์โดยไร้สาเหตุ อย่างเช่น สมุนไพรรูปหัวใจชนิดหนึ่งเมื่อกินเข้าไปแล้วจะได้รับพลังเหนือมนุษย์ในร่างกายของตนทันที
- ความขัดแย้งภายในของประเทศวากานดา
แม้ประเทศจะพัฒนาจนล้ำสมัยไปกว่าชาติอื่นอยู่หลายปีแสง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ของวากานดายังคงมีอารยธรรมพื้นเมืองในอดีตหลอมรวมอยู่ลึก ๆ ในจิตใจ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเมืองในประเทศมีปากเสียงกันหลายต่อหลายครั้งจากทัศนคติที่ไม่ตรงกันระหว่างยุคสมัยเก่าและยุคสมัยใหม่ ซึ่งในตัวอย่างภาพยนตร์เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นที่โลกภายนอกเริ่มรุกรานเข้าไปในวากานดา แต่เชื่อเถอะว่าความขัดแย้งและปัญหาภายในประเทศเองก็ซับซ้อนวุ่นวายจนกลายเป็นปัญหาสะสมที่ใหญ่ไม่แพ้กัน
กว่า 10,000 ปีที่วากานดายังคงรักษาตำแหน่งเป็นประเทศเดียวในทวีปแอฟริกาที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร หากแต่ในการ์ตูนฉบับนักเขียน เรกินัลด์ฟ ฮัดลิน (Reginaldf Hudlin) และ จอห์น โรมิตา จูเนียร์ (John Romita Jr.) วากานดาเคยถูกรุกรานและแพ้พ่ายกลายเป็นเมืองใต้อำนาจและถูกย่ำยีโดยชนเผ่าสกรัล (Skrull) ซึ่งความสำเร็จในการบุกรุกของศัตรูในครั้งนี้ทำให้ประชาชนเริ่มไม่มั่นใจในความสามารถในฐานะผู้นำประเทศของ กษัตริย์ที ชัลล่า ก่อให้เกิดความวุ่นวายและบทพิสูจน์ตัวเองของราชาหนุ่มในภายหลัง ซึ่งเราอาจได้เห็นเรื่องราวในส่วนนี้ในภาพยนตร์ Black Panther ก็เป็นได้
"จะไปเองหรือต้องให้ไล่" ประโยคสุดแกร่งจาก อาโย ที่กล่าวกับ แบล็ค วิโดว์ ใน Captain America: Civil War ผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม ดอร่า มิลาเจ กลุ่มผู้คุ้มครองกษัตริย์วากานดาที่รวมตัวสาวแกร่งพลังเหนือธรรมชาติจากทุกชนเผ่าไว้ด้วยกัน เพื่อปกป้องดูแลฝ่าบาท ที ชัลล่า ทั้งในฐานะบอดี้การ์ดผู้คุ้มครองและในฐานะหญิงสาวที่มีศักยภาพสูงพอจะเป็นสนมเอกในอนาคต.. ก็ลองคิดดูแล้วกันว่า ผู้หญิงที่ต้องปกป้องผู้ชายที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่พลังเหนือมนุษย์อีกทีนั้นจะแกร่ง จะเทพ และจะเดือดระห่ำกันขนาดไหน
ภาพจาก Marvel.com