เช็กลิสต์ 21 หนังแอนิเมชั่นจากสตูดิโอ จิบลิ (Studio Ghibli) ที่เตรียมฉายในสตรีมมิ่ง จากความประทับใจบนแผ่นฟิล์มสู่ช่องสตรีมมิ่งระดับโลก นี่แหละข่าวดีที่แฟนหนังและแฟนค่ายรอคอย !
© 1988 Studio Ghibli
เรียกได้ว่าเป็นดิสนีย์แห่งเอเชียเลยก็ว่าได้ สำหรับ Studio Ghibli ค่ายแอนิเมชั่นชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าจะผลิตผลงานเรื่องอะไรออกมาก็สนุกสนานครบรส โดนใจคนดูเกือบทุกเรื่อง ซึ่งหลังจากมีข่าวว่าทางสตูดิโอเตรียมที่จะปล่อยผลงานแอนิเมชั่นเรื่องสุดท้ายภายใต้การกำกับของ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) เจ้าของผลงานชื่อดังมากมาย อาทิ Spirited Away, Howl's Moving Castle และ My Neighbor Totoro จนทำให้แฟน ๆ รู้สึกใจหายหน่อย ๆ เอาเป็นว่าถึงแม้จะเป็นหนังเรื่องสุดท้าย แต่เราก็ยังมีผลงานระดับมาสเตอร์พีซอีกหลายเรื่องให้แฟน ๆ สามารถดูออนไลน์ได้ในสตรีมมิ่งชื่อดัง สนุกสนานร่วมกันทั้งครอบครัว ฉะนั้นงานนี้กระปุกดอทคอมก็เลยถือโอกาสดี ขอพาทุกคนไปเช็กลิสต์พร้อมทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ แบบคร่าว ๆ กัน เอาล่ะ จะมีเรื่องไหนน่าสนใจอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลยค่ะ
1. Laputa : Castle in the Sky (1986)
ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
คือผลงานชิ้นแรกที่ทำให้นักดูหนังรู้จักชื่อของสตูดิโอจิบลิอย่างเป็นทางการ โดยความสนุกสนานเริ่มต้นขึ้นเมื่อเด็กชายหญิง 2 คนออกเดินทางตามหา ลาพิวต้า เมืองลอยฟ้าในตำนาน ซึ่งเป็นที่เลื่องลือกันว่ามีสร้อยเรืองแสงเป็นพลังงานขับเคลื่อน อีกทั้งยังเป็นสมบัติล้ำค่าที่ทุกคนหมายปอง ทว่าการเดินทางครั้งนี้กลับทำให้เด็กทั้งสองคนกลายเป็นผู้นำทางให้แก๊งโจรสลัดที่หมายจะล่าสมบัติชิ้นนั้น จึงทำให้เกิดเป็นการต่อสู้กับฝ่ายอธรรมที่ต้องการช่วงชิงสร้อยเรืองแสงล้ำค่านั่นเอง
2. My Neighbor Totoro (1988)
โทโทโร่เพื่อนรัก
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
เป็นหนังที่แฟนคลับสตูดิโอจิบลิทุกคนต้องรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของค่ายแล้ว ยังเป็นแอนิเมชั่นที่น่ารักมาก เนื้อหาในเรื่องเต็มไปด้วยความสดใสของหนูน้อย 2 คน ที่ค้นพบว่าบ้านใหม่ของตัวเองรายล้อมไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการค้นพบเพื่อนใหม่อย่าง โทโทโร่ สัตว์วิเศษผู้พิทักษ์ป่า ที่กลายเป็นเพื่อนเล่นกับพวกเธอ รวมไปถึงการปรากฏตัวของผองเพื่อนสุดประหลาดมากมาย เช่น ภูตฝุ่นและรถเมล์แมว
3. Grave of the Fireflies (1988)
สุสานหิ่งห้อย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ถ้าชีวิตยังต้องการความสดใส หลีกให้ไกลกับแอนิเมชั่นเรื่องนี้ที่หยิบเอาเรื่องราวความโหดร้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำลายครอบครัวของพี่น้องคู่หนึ่ง ทำให้พวกเขาต้องออกเดินทางสู่อันตรายที่อาจมีความสวยงามซุกซ่อนอยู่ หนังว่าด้วยเรื่องราวของ เซตะ และเซ็ตซึโกะ สองพี่น้องกำพร้าที่ต้องสู้เพื่อเอาตัวรอดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในญี่ปุ่น แต่สังคมในช่วงนั้นช่างยากลำบากจนสองพี่น้องยอมรับชะตากรรมว่าไม่สามารถหนีรอดจากความโหดร้ายของสงครามหรือหาอาหารให้เพียงพอได้ หนังเรื่องนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ณ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติสำหรับเด็กในชิคาโก ประจำปี 1994 และเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าอนิเมะไม่จำเป็นต้องเป็นแนวเทพนิยายแฟนตาซีหรือไซไฟโหด ๆ เสมอไป
4. Kiki’s Delivery Service (1989)
แม่มดน้อยกิกิ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ ฮายาโอะ มิยาซากิ ลงมือกำกับด้วยตัวเอง โดยเล่าเรื่องราวของ กิกิ แม่มดน้อยวัย 13 ปี ที่ต้องออกเดินทางค้นหาตัวเองพร้อมกับแมวน้อยและไม้กวาดคู่ใจ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้นำเธอไปยังดินแดนที่ใฝ่ฝันและได้อาศัยอยู่กับครอบครัวทำขนมปัง ซึ่งสอนให้เธอปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ รู้จักการทำงาน และใช้ไม้กวาดวิเศษให้เป็นประโยชน์ อีกทั้งยังมีเพื่อนที่แสนดีคอยให้กำลังใจในยามที่เธอมีปัญหาด้วย
5. Only Yesterday (1991)
ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
หนึ่งในผลงานของ อิซาโอะ ทาคาฮาตะ โดดเด่นด้วยการเล่าเรื่องราวแบบสลับย้อนไปย้อนมา เนื้อหาพูดถึง ทาเอโกะ สาวออฟฟิศที่กำลังเดินทางไปพักผ่อนและช่วยงานฟาร์มในชนบท ซึ่งระหว่างทางก็ทำให้เธอหวนระลึกถึงความทรงจำในอดีตที่แสนจะซับซ้อน ตัดสลับกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ถือเป็นแอนิเมชั่นน้ำดีอีกหนึ่งเรื่อง เพราะช่วยกระตุ้นให้เราหันกลับมาคิดว่าเราเป็นใคร โตมาทำไม ต้องการอะไรกันแน่ นอกจากนี้ในส่วนของงานแอนิเมชั่นก็ยังสวยงาม ประณีต ควรค่าแก่การดูมากเลยทีเดียว
6. Porco Rosso (1992)
พอร์โค รอสโซ สลัดอากาศประจัญบาน
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ผลงานการกำกับของ ฮะยะโอะ มิยะซะกิ ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนของเขาเอง เป็นเรื่องราวของ พอร์โค รอสโซ หมูนักบินล่าเงินรางวัล ที่คอยช่วยเหลือคนจากโจรสลัดเพื่อแลกกับค่าตอบแทน จนสุดท้ายก็ตกเป็นเป้าหมายของพวกโจรสลัดไปด้วย ซึ่งในแง่มุมของแอนิเมชั่น เรื่องนี้ทำได้สนุกสนาน สร้างมาตรฐานแอ็คชั่นได้ดีมาก อีกทั้งยังสะท้อนความคิดของทหารหลังจากสงครามได้ด้วย
6. Ocean Waves (1993)
สองหัวใจ รักหนึ่งเดียว
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง I can hear the sea ของ ซาเอโกะ ฮิมุโระ เป็นเรื่องราวของ ทาคุ นักศึกษาที่กำลังเดินทางกลับไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงเรียนเก่า ซึ่งในระหว่างทางเขาก็เผลอนึกถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างเขา เพื่อนสนิท และหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายเข้ามาจากโตเกียว โดยหนังจะนำเสนอมุมมองในการปรับตัวของเธอค่อนข้างมากพอสมควร เนื่องจากเธอมีนิสัยเงียบขรึมและค่อนข้างเก็บตัว จะมีก็แต่ทาคุและเพื่อนเท่านั้นที่สนิทสนมด้วย จนเริ่มก่อตัวเป็นความรัก กลายเป็นรักสามเส้า และสร้างรอยร้าวให้กับพวกเขาในที่สุด
8. Tales from Earthsea (2006)
ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
กำกับโดย โกโร่ มิยาซากิ ลูกชายของฮายาโอะ มิยาซากิ เป็นเรื่องราวหลังจากความสมดุลของโลกเริ่มพังลง จนทำให้ อาร์เรน เจ้าชายแห่งเอ็นลาด สังหารพระราชาซึ่งเป็นพ่อของเขาเอง และหลบหนีออกจากปราสาท โดยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อมดเก็ด ทั้งสองเดินทางไปเรื่อย ๆ จนพบว่ากำลังมุ่งหน้าไปสู่โลกที่ไม่สมดุล ซึ่งเป็นฝีมือของพ่อมดค็อบ ที่ต้องการจะเอาชนะพ่อมดเก็ดให้ได้ โดยการเดินทางผจญภัยครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ตามไปหาคำตอบได้ในภาพยนตร์เลยค่ะ
9. Nausicaä of the Valley of the Wind (1984)
มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเดียวกัน กำกับโดย ฮะยะโอะ มิยะซะกิ เล่าเรื่องราวของโลกหลังเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ จนส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบนิเวศ โดยมี นาอุซิกา ตัวเอกของเรื่อง เป็นคนที่พยายามมองหาสาเหตุรวมถึงจุดกึ่งกลางระหว่างความรุนแรงของมนุษย์และธรรมชาติที่แสนจะวุ่นวายนี้ เรียกได้ว่าเป็นแอนิเมชั่นที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างสนุกสนานและน่าสนใจ เหมาะกับยุคสมัยนี้ไม่เบาเลยทีเดียว
10. Princess Mononoke (1997)
เจ้าหญิงโมโนโนเกะ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงปลายยุคมุโระมะจิ เนื้อหาเล่าผ่านการต่อสู้ของมนุษย์ในโลหะนครกับเทพเจ้าผู้พิทักษ์ป่า ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้แอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นที่จดจำ ได้รับคำชม รางวัล และรายได้ถล่มทลายจนกลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นประจำปี 1997 ก็ต้องยกให้กับการสอดแทรกความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติไว้แบบไม่ยัดเยียดนั่นเอง
11. My Neighbors the Yamadas (1999)
ยามาดะ ครอบครัวนี้ไม่ธรรมดา
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
เป็นผลงานการกำกับของ อิซาโอะ ทาคาฮาตะ โดดเด่นในเรื่องสไตล์ที่เหมือนเป็นการนำการ์ตูนภาพช่อง ๆ ในหนังสือพิมพ์มารวมเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเรื่องยาว ๆ ซึ่งเนื้อหาจะนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวยามาดะ ครอบครัวชนชั้นกลางที่ประกอบด้วยสมาชิกสุดแสบ ได้แก่ คุณพ่อ คุณแม่ ลูกชาย ลูกสาว และคุณยาย โดยถ่ายทอดชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเราชนิดที่ทุกคนต้องเคยเจอ ถ้าหากใครชื่นชอบแอนิเมชั่นที่เรียบง่าย ย่อยง่าย ก็ตามไปดูกันได้ รับรองว่านำเสนอมุมมองของครอบครัวได้อย่างสนุกสนาน ลงตัวแน่นอน
12. Spirited Away (2001)
มิติวิญญาณมหัศจรรย์
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ถือเป็นผลงานขึ้นหิ้งของสตูดิโอจิบลิ เพราะดีงามจนคว้ารางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยมประจำปี 2002 มาครอบครองได้สำเร็จ โดยเนื้อหาเล่าถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่หลงเข้าไปในมิติแห่งวิญญาณ และต้องให้ชื่อตัวเองเพื่อแลกกับการเข้าไปปลดปล่อยพ่อแม่ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหมู ต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้สามารถแฝงปรัชญาการใช้ชีวิตไว้อย่างแนบเนียน อีกทั้งความสนุกสนาน กลมกล่อม ลงตัว ก็ยังทำให้ตราตรึงอยู่ในหัวใจคนดูไม่เสื่อมคลาย
13. The Cat Returns (2002)
เจ้าแมวยอดนักสืบ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
กำกับโดย ฮิโรยูกิ โมริตะ ดัดแปลงมาจากมังงะเรื่อง Baron: The Cat Returns มีความเกี่ยวข้องกับแอนิเมชั่น Whisper of the Heart วันนั้น… วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู เล็กน้อย โดยเนื้อหาจะนำเสนอเรื่องราวของ ฮารุ เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ที่บังเอิญไปช่วยชีวิตแมวตัวหนึ่งไม่ให้ถูกรถชน จนทำให้แมวตอบแทนเธอด้วยการพาเข้าไปในโลกลึกลับของพวกมัน พร้อมทั้งให้รางวัลด้วยการแต่งงานกับเจ้าชายแห่งอาณาจักรแมว ซึ่งหลังจากนั้นความสนุกสนาน ปั่นป่วน ปนแฟนตาซีก็เริ่มขึ้น
14. The Secret World of Arrietty (2010)
อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ดัดแปลงมาจาก The Borrowers ของ แมรี่ นอร์ตัน ว่าด้วยเรื่องของ อาริเอตี้ เด็กสาวตัวจิ๋วที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอแบบลับ ๆ ภายในบ้านของมนุษย์ โดยพวกเขามีชีวิตอยู่ได้ด้วยการหยิบยืมของใช้ในบ้านอย่างระมัดระวัง ทว่าถึงแม้จะซ่อนตัวอย่างไรก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาของเด็กหนุ่มผู้อารีและแม่บ้านใจร้ายไปได้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการพยายามดำรงเผ่าพันธุ์คนจิ๋วให้รอดพ้นจากการถูกกำจัด ซึ่งอีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดของหนังก็คือดนตรีประกอบ ที่ทำออกมาได้อย่างเหมาะสม ลงตัว เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ
15. The Tale of The Princess Kaguya (2013)
เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
แอนิเมชั่นวาดมือที่โชว์ความงดงามของศิลปะโบราณของญี่ปุ่นได้อย่างน่าทึ่ง เนื้อเรื่องดัดแปลงมาจากตำนานเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Kaguyahime no Monogatari ตำนานคนตัดไผ่ หรือตำนานเจ้าหญิงคางุยะ โดยได้ อิซาโอะ ทาคาฮาตะ นั่งแท่นเป็นผู้กำกับ เนื้อหาเล่าเรื่องราวของคนตัดไผ่ชื่อว่า ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ ที่บังเอิญไปเจอเจ้าหญิงตัวน้อยอยู่ในกระบอกไม้ไผ่เรืองแสงได้ จึงเก็บมาเลี้ยงร่วมกับภรรยา และตั้งชื่อว่า คางุยะ ฮิเมะ หรือเจ้าหญิงแห่งราตรีอันเรืองรอง โดยเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เธอก็โตเป็นหญิงสาวน่ารักและใจดี ทั้งยังนำความมั่งคั่งมาสู่ครอบครัว จนทำให้พวกเขาย้ายจากบ้านหลังเล็กไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่ และเลี้ยงเธอเสมือนเป็นเจ้าหญิงจริง ๆ แถมด้วยความสวยที่เลื่องลือก็ทำให้มีผู้ชายมากมายมาหมายปอง ทว่านั่นกลับไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ จนทำให้เกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้น
16. Pom Poko (1994)
ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ผลงานการสร้างของ อิซะโอะ ทะกะฮะตะ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุค 60 หลังจากเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเฟื่องฟู ผู้คนก็เลยขยับขยายถิ่นฐานกันมากขึ้น จนมาถึงแถบเนินเขาของเมืองทะมะ ซึ่งเคยเป็นที่อยู่ที่กินของฝูงทานูกิ (แร็กคูนญี่ปุ่น) มาก่อน งานนี้ก็เลยสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกมันจนอดทนต่อไปไม่ได้ จึงวางแผนต่อสู้เพื่อปกป้องที่อยู่อาศัยด้วยการแปลงร่างไปหลอกมนุษย์ ผลจะเป็นอย่างไรต้องตามไปดูกันเองเลย
16. Whisper of the Heart (1995)
วันนั้น… วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
อีกหนึ่งแอนิเมชั่นน้ำดีจากสตูดิโอจิบลิ ที่หยิบประเด็นความฝันของเด็กวัยรุ่นซึ่งมักจะถูกตีกรอบจากสังคมรอบตัวมานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ กำกับโดย โยชิฟูมิ คอนโด เล่าเรื่องราวของ ชิซูกุ สึกิชิมะ นักเรียนมัธยมต้นผู้แตกต่างจากเด็กคนอื่น เพราะหลงใหลในการอ่านและเขียนหนังสือ จนทำให้ไม่ค่อยสนใจการเรียนสักเท่าไหร่ กระทั่งวันหนึ่งเธอยืมหนังสือหลายเล่มมาจากห้องสมุด และพบว่าทุกเล่มที่เธออ่าน เซย์จิ เคยยืมมาอ่านก่อนหน้าแล้วทั้งนั้น จึงทำให้เธอเริ่มออกตามหาเขา จนได้เจอกัน ตกหลุมรักกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งในระหว่างนั้นเธอก็ได้เรียนรู้ถึงความมุ่งมั่นของเซย์จิ ที่ฝันอยากจะเป็นช่างทำไวโอลิน จึงทำให้เธอหันกลับมาทบทวนตัวเอง และตัดสินใจลองทำตามความฝันเพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองดูบ้าง
17. Howl's Moving Castle (2004)
ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ ไดอาน่า ไวนน์ โจนส์ เนื้อหาเกี่ยวกับเด็กสาวนักทำหมวกอายุ 18 ปี ที่ถูกแม่มดสาปให้กลายเป็นหญิงชราอายุ 90 ปี ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้เธอรู้สึกวิตกกังวล แต่เธอก็ค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะปรับตัวใช้ชีวิตอยู่กับมัน และสนุกกับการผจญภัยครั้งใหม่ ๆ ที่ตามมา โดยต้องบอกเลยว่าแอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม เมื่อปี 2006 ด้วยเหมือนกัน
19. Ponyo on the Cliff by the Sea (2008)
โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวความอัศจรรย์ในวัยเยาว์ของสตูดิโอจิบลิ บอกเล่ามิตรภาพระหว่างเด็กชายวัย 5 ขวบ กับ โปเนียว ปลาทองหน้าเหมือนคนที่เขาเก็บมาเลี้ยง แต่แล้วทั้งสองก็ต้องพรากจากกัน เนื่องจากพ่อของโปเนียวต้องการให้ลูกสาวตัวเองกลับสู่ท้องทะเล จนนำมาซึ่งเหตุการณ์ชุลมุนจากการหลบหนีของปลาทองตัวน้อยที่ค่อย ๆ กลายร่างเป็นคน และหายนะที่คุกคามเมืองชายฝั่งจากอุบัติเหตุอันไม่ตั้งใจ
19. From Up on Poppy Hill (2011)
ป๊อปปี้ ฮิลล์ ร่ำร้องขอปาฏิหาริย์
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
แอนิเมชั่นเรื่องดังที่ได้ไปฉายไกลถึงเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโทรอนโต เป็นผลงานการกำกับของ โกโระ มิยาซากิ ดัดแปลงมาจากมังงะของ จิซึรุ ทากาฮาชิ และเท็ตสึโระ ซายามะ นำเสนอเรื่องราวของ อูมิ และ ชุน สองนักเรียนชั้นมัธยมในเมืองโยโกฮาม่า ที่ต้องต่อสู้เพื่อให้สโมสรกิจกรรมของโรงเรียนยังคงอยู่ หลังจากประเทศพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 และกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟู ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาจัดโอลิมปิกได้ในปีถัดไป โดยเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดมุมมองความรักและความสัมพันธ์ของคนหนุ่มสาว รวมถึงความหวังหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายได้เป็นอย่างดี เรียบง่าย บริสุทธิ์ แถมยังทำให้ระลึกถึงความหลังสมัยเรียนได้ไม่เบา
21. The Wind Rises (2013)
ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ผลงานการกำกับเรื่องสุดท้ายของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ก่อนประกาศวางมือจากการทำแอนิเมชั่น (ทว่าล่าสุดประกาศว่าจะกลับมาสร้างสรรค์ผลงานอีกครั้งเพื่อเป็นของขวัญให้หลานชาย) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ตามความฝันของ จิโร โฮริโกชิ ผู้ออกแบบเครื่องบินรบ Zero Fighter ที่กองทัพญี่ปุ่นใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงมุมมองความรักของเขาและนาโอโกะ ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกด้วย ถึงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กระแสตอบรับทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แต่ก็เป็นแอนิเมชั่นจากสตูดิโอจิบลิอีกหนึ่งเรื่องที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม
22. When Marnie Was There (2014)
ฝันของฉันต้องมีเธอ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
แอนิเมชั่นเรื่องสุดท้ายก่อนหยุดพักยาวของสตูดิโอจิบลิ เป็นผลงานที่ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก แต่ก็ถือว่ากลมกล่อมใช้ได้ โดยเนื้อหาดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเยาวชนของ โจแอน จี. โรบินสัน กำกับโดย โยเนบายาชิ ฮิโรมาสะ บอกเล่าเรื่องราวของ แอนนา เด็กสาวผู้โดดเดี่ยว ที่ย้ายมาอยู่กับญาติในต่างจังหวัด แล้วได้พบกับ มาร์นี เด็กสาวจากคฤหาสน์หรู ที่เข้ามาทำลายกำแพงความเหงาของเธอ จนกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด ทว่าเพื่อนแปลกหน้าคนนี้กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ซึ่งจะมีปริศนาอะไรซ่อนอยู่นั้นคงต้องตามไปหาคำตอบกันเอาเอง บอกเลยถึงแม้จะไม่ใช่หนังที่ดีเยี่ยมขึ้นหิ้ง แต่ก็นำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและครอบครัวได้ดีทีเดียว
เรียกได้ว่างานนี้คงจะถูกใจคนรักแอนิเมชั่นของ Studio Ghibli กันไม่มากก็น้อย เพราะแต่ละเรื่องเด็ด ๆ ดัง ๆ ทั้งนั้น แถมชื่อชั้นระดับ Studio Ghibli ก็รับประกันได้เลยว่าสนุกครบรส ดูได้ทุกเพศ ทุกวัย ถูกใจคนรักหนังแอนิเมชั่นชัวร์ เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาหนังดี ๆ ภาพโดน ๆ อยู่ ก็เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม แล้วรอเปิดดูกันจนตาแฉะได้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง