มัดรวมซีรีส์วาย ซีรีส์ LGBTQ+ ความฟินระดับล้าน หวานกันแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ดูให้ชุ่มชื่นหัวใจ ต้อนรับเดือน Pride Month
วันหยุดพักผ่อนทั้งทีจะมีอะไรดีไปกว่าการได้นอนเล่นดูซีรีส์เพลิน ๆ และหนึ่งในประเภทของซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้คงหนีไม่พ้น ซีรีส์วาย หรือซีรีส์ LGBTQ+ ต่าง ๆ ซึ่งคำว่า วาย (Y) ย่อมาจากคำว่า ยาโยย (Yayoi) เป็นวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น โดยเนื้อหาในซีรีส์เหล่านี้จะเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของชาย-ชาย ทั้งในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ หรือที่ใครหลายคนเรียกกันว่าแนว Boys’ Love นั่นเอง ส่วนซีรีส์ LGBTQ+ ก็เป็นเรื่องราวความรักของเพศทางเลือกต่าง ๆ และเพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองในเดือนแห่งความหลากหลาย หรือ Pride Month เรามีลิสต์ซีรีส์วาย ซีรีส์ LGBTQ+ สนุก ๆ มาฝากกัน รับรองว่าดูแล้วฟินจิกหมอนขาดอย่างแน่นอน
ลิสต์ซีรีส์วาย ซีรีส์ LGBTQ+ น่าดู
เฉลิมฉลองเดือน Pride Month
1. Eastsiders (2012-2015)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก EastSiders
ซีรีส์ฝั่งอเมริกาแนวโรแมนติก-ดราม่า บอกเล่าเรื่องราวของ คาล กับ ธอม คู่รักชาย-ชายที่คบหากันมานานถึง 4 ปี ทั้งคู่มีปัญหาทั้งเรื่องการงานที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ และชีวิตรักที่อยู่ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างความสุขและความทุกข์ เพราะธอมนั้นแอบนอกใจคบชู้ ซึ่งชู้คนนั้นมีชื่อว่า เจเรมี่ ซึ่งเจเรมี่ไม่รู้ว่าธอมมีคนรักอยู่แล้ว เมื่อธอมไม่ยอมเลิกด้วย เจเรมี่ก็อยากเข้าไปเคลียร์ปัญหาใจกับคาล จนทั้งสองมีเรื่องเกินเลยไปอีก กลายเป็นความรักสามเส้าที่ยากจะแก้ไข
2. Sense 8 (2015-2018)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Sense8
ถ้าจะมีซีรีส์ที่พูดถึงเรื่องความหลากหลายของเพศสภาพ ความคิด และตรรกะ คงไม่มีเรื่องไหนที่สมบูรณ์แบบเท่า Sense 8 อีกแล้ว ซีรีส์สุดระทึกจากผู้สร้าง The Matrix และ Babylon 5 เล่าเรื่องราวของคนทั้ง 8 คน ที่อยู่ต่างสถานที่จากทั่วทุกมุมโลก และไม่เคยรู้จักหรือพบเจอกันมาก่อน แต่กลับสามารถสื่อจิตถึงกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง และความรู้สึก เสมือนพวกเขาทั้งแปดนั้นเป็นคนคนเดียวกัน ในการสื่อจิตถึงกันนี้พวกเขาสามารถเรียกให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้ามาแทนที่ตัวเอง และใช้ความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคนมาช่วยในการแก้ไขปัญหาที่เขากำลังเผชิญได้ หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นในซีรีส์ก็คือ เรื่องของการเรียกร้องสิทธิให้กับชาว LGBTQ+ ที่อยู่ในสังคมด้วย
3. พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง - SOTUS The Series (2016)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก GMMTV
ซีรีส์วายแนววัยรุ่นโรแมนติก-คอมเมดี้ของไทย เปิดเรื่องราวด้วยการรับน้องในมหาวิทยาลัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภายใต้ระบบ SOTUS โดยมี ก้องภพ เฟรชชี่ที่เพิ่งเข้ามาเรียน และต้องมาพบกับการรับน้องสุดโหดของรุ่นพี่ปี 3 โดยมีเฮดว้ากคือ อาทิตย์ ที่สั่งให้น้องปี 1 ไปล่าลายเซ็นรุ่นพี่ 1,000 ลายเซ็น ให้ครบภายใน 1 สัปดาห์ ทำให้ก้องภพและ วาด เพื่อนร่วนชั้นปี 1 โต้แย้งขึ้นมา แต่ผลการโต้แย้งกลับกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างก้องภพและอาทิตย์ ตั้งแต่นั้นการประชุมเชียร์ก็จะโดนลงโทษจากรุ่นพี่ จนกระแสการต่อต้านทำให้พวกพี่ว้ากต้องหาทางรับมือกับน้อง ๆ และเมื่อการประชุมเชียร์ดำเนินไป ก้องภพก็ค่อย ๆ เข้าใจเหตุผลของพี่ว้ากมากขึ้น จากที่ต่อต้านก็เริ่มโน้มน้าวให้วาดและเพื่อน ๆ กลับเข้ามาร่วมประชุมเชียร์อีกครั้ง แถมก้องภพยังเริ่มมองอาทิตย์ในมุมที่เปลี่ยนไปอีกด้วย
4. Pose (2018-2021)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ซีรีส์อเมริกันแนวดราม่า ที่จะพาคนดูย้อนกลับไปในช่วงปี 1987 ซึ่งเป็นยุคที่สังคมยังไม่ยอมรับเหล่า LGBTQ+ เท่าไรนัก อีกทั้งยังถูกมองว่าเป็นคนป่วยที่ไม่น่าคบหา และถูกเหยียดหยามจากคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวด้วย อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่จะเยียวยาและทำให้หัวใจของเพศทางเลือกเหล่านี้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปคือ งานบอลรูม หรืองานแข่งขันเต้น ที่จะได้เดินแบบอวดชุดเลิศหรูอลังการตามหมวดหมู่ที่กำหนดในแต่ละครั้ง และผู้ชนะก็จะได้ถ้วยรางวัลแห่งเกียรติยศมาครอง โดยมีหนึ่งในตัวละครหลักของเรื่องที่ถ่ายทอดประเด็นน่าสนใจหลายอย่าง คือ บลังกา คุณแม่แห่งบ้าน Evangelista สาวข้ามเพศที่ติดเชื้อ HIV และต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม LGBTQ+ ให้ดีขึ้น ซึ่งในเรื่องเราจะได้เห็นเธอลุกขึ้นสู้เพื่อความเท่าเทียมและความถูกต้องอย่างกล้าหาญ รวมถึงสร้างพลังในการใช้ชีวิตให้คนรอบข้างอยู่เสมอ
5. Queer Eye (2019-2021)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Queer Eye
ซีรีส์เรียลริตี้ของอเมริกา ที่ว่าด้วยเรื่องของ The Fab 5 หรือเกย์ 5 คนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ต่างกัน 5 ด้าน ทั้งเรื่องการตกแต่งบ้าน อาหารการกิน การดูแลหนวดเคราและใบหน้า แฟชั่น และวัฒนธรรม มาปรับลุคปรับโฉมให้ผู้ชายทั้งแท่งกลับมาดูดีและมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง โดยเป็นการพลิกโฉมผู้ชายธรรมดาทั้งภายในและภายนอกให้ได้ปลดล็อกความรู้สึกที่ติดค้างภายในจิตใจ และเยียวยาบาดแผลในจิตใจตนเองเช่นกัน
6. Tales of the City (2019)
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
ซีรีส์ที่เข้าใจความหลากหลายทางเพศ นำเสนอภาพความเป็นชุมชนของชาว LGBTQ+ เรื่องการเปิดตัว Come Out, HIV/AIDS และการรับมือกับโฮโมโฟเบีย ผ่านเรื่องราวของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่มีชื่อว่า Barbary Lane ที่ตั้งอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก โดยเจ้าของอาคารแห่งนี้คือ Anna Madrigal หญิงชราที่เป็นเหมือนกับแม่ใหญ่ของทุก ๆ คนในอพาร์ตเมนต์ ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็มีครบหมด ทั้งเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล ทรานส์เจนเดอร์ ซึ่งคนดูจะได้รู้เรื่องราวชีวิต แง่มุมความรัก ครอบครัว และเซ็กส์ของพวกเขา ในสังคมปัจจุบันแบบหมดเปลือก
7. Sex Education (2019 - ปัจจุบัน)
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
ซีรีส์แนวดราม่าจากอังกฤษ เป็นซีรีส์ที่สำรวจชีวิตในรั้วโรงเรียนและเรื่องเพศของนักเรียนมัธยม รวมความหลากหลายทางเพศไว้แทบจะทุกกลุ่ม ทั้งเกย์ ไบเซ็กซวล ทรานส์เจนเดอร์ และกลุ่มไม่ฝักใฝ่ทางเพศ ตัวซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวของ โอทิส เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่อาศัยอยู่กับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่าง จีน ที่มีดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเธอเป็นนักบำบัดทางเพศ แล้วเรื่องก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันหนึ่งโอทิสดันไปให้คำปรึกษาเรื่องเพศกับเพื่อนในโรงเรียนจนเป็นที่กล่าวขวัญ ความดังทำให้เขาหันไปตั้งคลินิกบำบัดทางเพศอย่างลับ ๆ ขึ้นในโรงเรียนนั่นเอง กลายเป็นเรื่องราวที่จะทำให้เราได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องเพศไปพร้อมกัน
8. What Did You Eat Yesterday? (2019)
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
ซีรีส์สุดน่ารักแนวฟีลกู๊ดจากญี่ปุ่น เรื่องราวของ ชิโระ ช่างทำผมที่มีบุคลิกร่าเริงและเปิดเผย และ เคนจิ ทนายหนุ่มซาลารี่แมน ผู้เก็บกดและไม่กล้าเปิดเผยตัวตนเท่าไร ทั้งคู่คบหาเป็นคู่รักที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว โดยซีรีส์จะพูดถึงปัญหาในสังคมที่กฎหมายยังไม่ยอมรับการแต่งงานของเพศเดียวกัน ทำให้ทั้งคู่มีปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ เช่น เวลาที่ป่วยไข้คู่รักเกย์ก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนคู่ชีวิตได้ และการรับเด็กเป็นลูกบุญธรรม เพื่อทรัพย์สินจะได้ตกเป็นของคู่ชีวิตแต่เพียงผู้เดียว เป็นต้น โดยมีอาหารเข้ามาเป็นเครื่องช่วยสื่อสารถึงความรัก ความห่วงใย ที่ฝ่ายหนึ่งมีต่ออีกฝ่ายแลกกับคำชื่นชมแสนธรรมดา แม้จะไม่มีฉากถูกเนื้อต้องตัวกันเลย แต่ตัวซีรีส์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนออกมาได้อย่างอบอุ่นและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ที่สำคัญมีข่าวแว่ว ๆ มาว่าซีรีส์เรื่องนี้กำลังจะมีภาค 2 ในปี 2023 ซึ่งเป็นเรื่องราวของทั้งคู่ในวัยเกือบ 50 ปี ที่มาพร้อมกับอาหารแสนอร่อยและเรื่องราวที่อบอุ่นมากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมติดตามกันนะคะ
9. Cherry Magic (2020)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก WeTV Thailand
ซีรีส์รักสดใสวัยทำงานจากแดนปลาดิบ ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนแนว BL และแฝงความแฟนตาซีเข้าไปเล็กน้อย เรื่องราวของ คิโยชิ อาดาจิ หนุ่มโสดพนักงานบริษัทธรรมดาที่ยังเวอร์จิ้นอยู่ และกำลังจะมีอายุ 30 ปี ในวันรุ่งขึ้น เขาได้รับพลังวิเศษที่ทำให้สามารถอ่านใจคนอื่นได้ด้วยการสัมผัส เรื่องราวกลับวุ่นวายขึ้นเมื่ออาดาจิดันบังเอิญไปสัมผัสตัว ยูอิจิ คุโรซาวะ ก่อนจะพบว่าหนุ่มฮอตแห่งแผนกเซลส์ตกหลุมรักเขามานานนับปีแล้วน่ะสิ นับว่าเป็นซีรีส์วายวัยทำงานที่แสดงถึงความรักที่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็เป็นสิ่งที่รับได้ และจงยอมรับมันด้วยการแสดงออกที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
10. เพราะเราคู่กัน - 2gether The Series (2020)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก GMMTV
ซีรีส์วายของไทยเราก็มีให้เลือกเยอะมาก แถมแต่ละเรื่องก็สนุกไม่แพ้ของต่างชาติเลย อย่างเรื่องนี้ เพราะเราคู่กัน - 2gether The Series เรื่องราวของ ไทน์ หนุ่มสุดชิคแต่ดันอาภัพรัก คบสาวคนไหนก็ไปไม่รอด มีความรักกี่ครั้งก็จบไม่สวยสักราย จนเข้ามหาวิทยาลัยกลับมี กรีน เพื่อนสาวในร่างชาย มาตกหลุมรักแถมตื๊อไม่เลิก ไทน์จึงต้องหาทางสลัดกรีนออกไปให้ได้ จนเขาต้องไปขอร้อง สารวัตร หนุ่มสุดฮอต ให้มาแกล้งจีบ และทั้งคู่ก็ตกลงเป็นแฟนปลอม ๆ เพื่อสกัดกรีนไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับไทน์อีก
11. แปลรักฉันด้วยใจเธอ - I Told Sunset About You (2020)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ซีรีส์วายเรื่องฮิตของไทย เรื่องราวของ เต๋ และ โอ้เอ๋ว เพื่อนสนิทที่มีเหตุให้ต้องทะเลาะกันในวัยเด็ก และได้กลับมาพบกันอีกครั้งในช่วงเวลาสอบเข้า จึงกลับกลายมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ และการที่ทั้งคู่ได้กลับมาใกล้กันอีกครั้งทำให้พวกเขาได้รู้จักกันและกันมากขึ้น จนนำพาไปสู่ความรู้สึกใหม่ที่ต่างก็ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในวันที่พวกเขายังเด็ก สนามสอบที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเด็ก ม.6 ครั้งนี้จึงมีทั้งความฝันและความผูกพันของเด็กหนุ่มสองคนเป็นเดิมพัน
12. My Love Mix-Up! (2021)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ซีรีส์วายน่ารักกุ๊กกิ๊กสุดฟินชวนจิ้นจิกหมอนของญี่ปุ่น สร้างจากการ์ตูนแนว BL ชื่อเดียวกัน เป็นซีรีส์ใส ๆ ในวัยเรียนของ อาโอกิ นักเรียนมัธยมปลายที่แอบชอบเพื่อนสาวร่วมชั้นเรียนอย่าง ฮาชิโมโตะ ซึ่งเธอคนนี้ดันไปชอบหนุ่มนักกีฬาประจำห้องที่ชื่อ อิดะ วันหนึ่งอาโอกิลืมเอายางลบมา ฮาชิโมโตะเลยให้ยืมยางลบ แต่เจ้ากรรมอาโอกิดันทำยางลบตก แล้วดันเป็นอิดะที่ช่วยเก็บให้ ปัญหาเริ่มตรงที่ว่าอิดะดันเห็นชื่อตัวเองบนยางลบ เนื่องด้วยนักเรียนญี่ปุ่นนิยมเขียนชื่อคนที่ตัวเองแอบชอบไว้บนยางลบ แล้วจะได้สมหวังด้วยความรักอันบริสุทธิ์ เมื่อรู้ว่าฮาชิโมโตะแอบชอบใคร อาโอกิเลยเดินหน้าตีสนิทอิดะเพื่อทำให้เธอสมหวัง แต่ทางฝั่งอิดะก็เข้าใจว่ายางลบก้อนนั้นเป็นของอาโอกิมาโดยตลอดเช่นกัน
13. Genera+ion (2021)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Genera+ion on HBO Max
ซีรีส์จาก HBO เรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวตนเกี่ยวกับเรื่องเพศ ที่ปัจจุบันไม่ได้มีแค่ชายหรือหญิง ซึ่งซีรีส์พยายามจะนำเสนอแง่มุมของเด็กยุคใหม่และความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ ให้ผู้ชมได้เข้าใจวัยรุ่นในยุคนี้ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสอดแทรกเกร็ดและวัฒนธรรมอเมริกันในปัจจุบันได้น่าสนใจอีกด้วย
14. Young Royals (2021)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ซีรีส์วายของประเทศสวีเดน เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเจ้าชายและสามัญชน เรื่องราวของ วิลเฮล์ม ลูกชายคนเล็กของราชวงศ์สวีเดน ที่มีอุปนิสัยเกเร ชอบมีเรื่องเป็นประจำ จนถูกจับไปอยู่โรงเรียนประจำซึ่งเป็นโรงเรียนของสามัญชน เพื่อดัดนิสัย ที่นี่ทำให้วิลเฮล์มได้พบปะผู้คนมากมาย รวมไปถึง ไซมอน นักร้องชายในคณะประสานเสียงของโรงเรียน ที่มีฐานะทางบ้านยากจน วิลเฮล์มตกหลุมรักไซมอน และแน่นอนว่าทั้งคู่ต่างก็รักกัน แต่มีเหตุไม่คาดฝันที่วิลเฮล์มจะต้องเลื่อนสถานะตัวเองขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารโดยที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจ ลำพังความรักต่างชนชั้นก็ว่าหนักหนาแล้ว การรักเพศเดียวกันของว่าที่กษัตริย์ยิ่งหนักกว่า เพราะจะต้องถูกจับตามองจากสังคมและประชาชนมากมาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เด็กหนุ่มสองคนจะประคองความรักไปได้อย่างราบรื่น
15. Heartstopper (2022)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ซีรีส์ LGBTQ+ ดัดแปลงมาจากกราฟิกโนเวลแนวรักวัยใสชื่อเดียวกัน เรื่องราวเล่าถึงกลุ่มเพื่อน 4 คน ประกอบไปด้วย ชาร์ลี สปริง หนุ่มเนิร์ดร่างเล็กแต่วิ่งเร็ว, เทา หนุ่มร่างโย่งที่รักเพื่อน, ไอแซค หนุ่มร่างท้วม เงียบและใจดี ทั้ง 3 คนเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมชายล้วน และ แอลล์ สาวคนเดียวในกลุ่มที่ย้ายไปอยู่โรงเรียนหญิงล้วน ซึ่งชาร์ลีออกมาเปิดเผยตัวตนชัดเจนว่าเขาเป็นเกย์ และกำลังคบกับ เบน โฮป เด็กชายคนหนึ่งในโรงเรียนแบบลับ ๆ ตลอดระยะเวลาที่ทั้งสองคบหากันชาร์ลีไม่เคยได้สถานะที่ชัดเจนจากปากเขาคนนั้น ไม่มีสิทธิ์ทักทายหรือเข้าใกล้เขาต่อหน้าคนอื่น กระทั่งชาร์ลีได้รับรู้ความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วเขาคนนี้มีแฟนสาวอยู่แล้ว แต่มาคบกับชาร์ลีเพียงเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นสเตรทหรือเป็นอะไรกันแน่ ต่อมาชาร์ลีได้พบกับหนุ่มหล่อใจดี นักรักบี้ดาวเด่นที่ชื่อ นิโคลัส เนลสัน หรือ นิค แล้วจู่ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ผุดขึ้นมา ยิ่งเมื่อนิคชักชวนเขาให้เข้าร่วมทีมรักบี้ ความสนิทสนมพาให้ยิ่งใกล้ชิด และหัวใจของเขาก็ยิ่งถลำลึกลงไปทุกที
ร่วมยินดีไปกับความรักที่สวยงามของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ๆ กับซีรีส์วาย หรือ ซีรีส์ LGBTQ+ ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ บอกเลยว่ามีครบทุกรสชาติ เนื้อเรื่องน่าสนใจ การดำเนินเรื่องไม่ยืดเยื้อ และมาพร้อมกับรสชาติที่แปลกใหม่ลงตัว สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก EastSiders, เฟซบุ๊ก Sense8, เฟซบุ๊ก GMMTV (1), (2), เฟซบุ๊ก Netflix (1), (2), (3), (4), (5), (6), (7), เฟซบุ๊ก Queer Eye, เว็บไซต์ Netflix, เฟซบุ๊ก WeTV Thailand, เฟซบุ๊ก Genera+ion on HBO Ma