
ตัวอย่าง The Phantom of the Opera 25th Anniversary Cinema
ปรากฏการณ์สุดพิเศษของละครเพลงที่โด่งดังที่สุด The Phantom of the opera ครบรอบ 25 ปีแห่งความสำเร็จ ถ่ายทอดความอลังการเต็มโชว์เต็มตาบนจอภาพยนตร์ 17 - 23 พฤศจิกายนนี้ ที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เท่านั้น
ข่าวดีสำหรับแฟน ๆ ละครเพลงชาวไทยที่จะได้ร่วมในปรากฏการณ์สุดพิเศษ ในโอกาสฉลอง 25 ปีแห่งความสำเร็จของ The Phantom of the opera ยูไอพี ประเทศไทย ได้นำการถ่ายทอดโชว์สุดอลังการนี้จากเวทีที่เวสต์เอนด์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาจัดฉายบนจอภาพยนตร์ โดยจะเปิดให้แฟน ๆ ได้สัมผัสกับละครเพลงที่โด่งดังที่สุดนี้ ซึ่งจะมีการแสดงพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองวาระ 25 ปีนี้ด้วย กำหนดฉายเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 17-23 พฤศจิกายนนี้
เรื่องย่อ The Phantom of the opera
คริสตินได้สูญเสียพ่อและแม่จนต้องมาอยู่ที่โรงอุปรากรการ์นิเย่ มีโอกาสได้รับการสอนร้องเพลงจากครูที่ลึกลับที่เห็นพรสวรรค์ของเธอ ซึ่งเธอเรียกเขาว่า "เทวดาแห่งบทเพลง" เพราะความลึกลับและน้ำเสียงที่ไพเราะยิ่งกว่าเสียงของมนุษย์คนใดในโลกที่เธอเคยได้ยินได้ฟัง จากการเคี่ยวเข็ญอย่างจริงจัง ในที่สุดเธอก็เก่งพอที่จะขึ้นร้องเพลงแทนคาล๊อตต้าที่ป่วยได้ ซึ่งเหตุการณ์นั้นประจวบกับที่เคาท์ฟิลลิปป์ได้เข้ามาเป็นผู้อุปถัมป์โรงละครทำให้ราอูลซึ่งเป็นน้องชายของท่านเคาท์และเพื่อนวัยเด็กของเธอเกิดจำเธอได้และเข้ามาเชื่อมความสัมพันธ์กับเธอ เหตุการณ์นี้ทำให้อีริคอิจฉาและกลัวว่าจะถูกทิ้งจึงมาแนะนำตัวกับเธอในคืน ๆ หนึ่งและพาเธอไปที่บ้านของเขา และสารภาพรัก ระหว่างที่ร้องเพลงประสานเสียงกันนั้นเอง คริสตินอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้และถอดหน้ากากเขาออก ทำให้เธอได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเทวดาของเธอไม่ใช่เทพจากสวรรค์อย่างที่วาดฝันไว้ แต่เป็นชายอัปลักษณ์ที่น่าสังเวชซึ่งถูกสังคมทารุณจนกลายเป็นคนเสียสติ คริสตินหวาดกลัวและขอร้องให้เขาปล่อยเธอไปซึ่งเขาก็ยอมตามโดยมีข้อแม้ว่าจะไม่บอกใครเรื่องของเขาและจะติดต่อกับเขาตามปกติ
ต่อมาราอูลได้แอบได้ยินคริสตินกับอีริคคุยกันในห้องแต่งตัว ด้วยความหึง (เพราะเสียงของอีริคไพเราะอ่อนหวานมาก) จึงพยายามสืบหาว่าคริสตินแอบพบกับใครเป็นการลับ ๆ กันแน่ จนกระทั่งในงานราตรีหน้ากาก เมื่อคริสตินพาราอูลออกจากงานเลี้ยงเพราะอีริคได้ปรากฏตัวในคราบ "มัจจุราชแดง" (the red death) เขาจึงคาดคั้นเอากับเธอและรู้ความจริงว่าภายใต้ชุดมัจจุราชแดงนั้นคือคนบ้า-อัปลักษณ์ (ไม่ใช่หนุ่มน้อยรูปงามอย่างที่กลัว) ที่มีความเป็นอัจฉริยะในตัว ทำให้เขาสบายใจและบอกเธอว่าจะปกป้องเธอ ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจจะรักกัน และทำให้อีริคที่แอบฟังอยู่เสียใจมาก การพยายามค้นหาความจริงทำให้ราอูลได้รู้เรื่องราวของอิริคจากชายลึกลับชาวเปอร์เซีย ส่วนอีริคนั้น เมื่อทนต่อความเสียใจและอุปสรรคที่บีบเข้ามาทุกทางไม่ได้ อีริคก็ลักพาคริสตินไปขังไว้ในบ้านเขาและขอร้องไปจนถึงบังคับให้เธอเลือกเขา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีคนตายมายมายจากการกระทำของอีริคซึ่งระหว่างนั้นเคาท์ฟิลลิปป์ก็เป็นหนึ่งในคนที่ตายด้วย (แต่ตายเพราะอุบัติเหตุ) ทำให้ราอูลตัดสินใจตามหาเขาเพื่อช่วยคริสตินและล้างแค้น
แต่แล้วในที่สุด อีริคก็ได้ไปพบชายชาวเปอร์เซียที่บ้านซึ่งขณะนั้นโกรธมากเพราะคิดว่าคริสตินกับราอูลคงถูกอีริคที่ขาดสติฆ่าทิ้งไปแล้ว และบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ชายชาวเปอร์เซียเข้าใจในความรักที่อีริคมีต่อคริสติน ซึ่งส่งผลให้อีริคตัดสินใจปล่อยเธอไปในที่สุด และระหว่างที่เล่าเรื่อง อีริคทนความซาบซึ้งไม่ได้และร้องไห้ออกมา เพราะเธอที่เขารักได้ก้มลงจูบหน้าผากของเขาอย่างไม่รังเกียจ ซึ่งทั้งหมดทำให้ชายที่พิการทั้งร่างกายและจิตใจได้รับความสุขอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากนั้นอีริคก็ล้มป่วยเพราะตรอมใจก่อนจะเสียชีวิตอย่างน่าสงสารในอีก 3 สัปดาห์ถัดมา
ตัวละครสำคัญ
อีริค (Erik-ไม่ปรากฏว่ามีนามสกุล)
บุรุษที่มีน้ำเสียงไพเราะราวกับเทพจากสวรรค์ซึ่งสวนทางกับใบหน้าที่เสียโฉมอย่างรุนแรงจนถึงขั้นอัปลักษณ์ แฝงตัวเองไว้ภายใต้ชื่อ "ปีศาจแห่งโรงอุปรากร (The Phantom of the Opera)" เนื่องจากต้องการหลบหนีความโหดร้ายของสังคมมนุษย์ ซึ่งความโหดร้ายของสังคมมนุษย์นี่เองที่ทำให้เขากลายเป็นคนเสียสติและถูกคนในโรงละครเข้าใจผิดว่าเป็นผี เขาเป็นอัจฉริยะทางดนตรีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโรงละคร เขาเป็นผู้ปลุกปั้นคริสตินให้เป็นเพชรเม็ดงามของโรงละครและรักเธอในที่สุด ในนวนิยายบรรยายถึงเขาว่ามีดวงตาสีทอง มีรูปลักษณ์ที่ผอมและบอบบางอย่างมากจนราวกับโครงกระดูกที่มีชีวิตซึ่งลักษณะอันนี้ทำให้เขาเคยถูกจับโชว์ในชื่อ "ซากมีชีวิต" และถูกปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ ในหนังสือนอกจากเขาจะมีความเป็นอัจฉริยะหลายด้านแล้ว เขายังใช้ภาษาพูดที่มีลักษณะเหมือนตนเองเป็นบุคคลที่สาม คล้ายภาษาพูดของด๊อบบี้ในแฮร์รี่ พอตเตอร์
คริสติน ดาเอ้ (Christine Daaé)
หญิงสาวนักร้องอุปรากรชาวสวีเดน ลูกศิษย์ของอีริค มีดวงตาสีฟ้าและผมสั้นสีบรอนซ์ เธอเชื่อว่าเขาเป็นทูตสวรรค์เพราะน้ำเสียงอันไพเราะผิดมนุษย์กับความลึกลับของเขา และความหลงใหลในน้ำเสียงอันไพเราะของเขาและความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้เธอกระชากหน้ากากของเขา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของโศกนาฏกรรมก็ว่าได้
ราอูล (Raoul, Viscount de Chagny)
บุรุษรูปงามผู้เป็นเพื่อนรักกับคริสตินมาตั้งแต่เด็ก เป็นชายหนุ่มที่ทรงเสน่ห์ และหยิ่งยโสในความงามของตน เขาเป็นน้องชายของเค้าท์ฟิลลิปป์ เดอ ชางยี ผู้อุปถัมโรงละคร
คนเปอร์เซีย
ตัวละครสำคัญของเรื่อง เป็นผู้ที่เปิดเผยเรื่องราวของอีริค และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนเดียวที่อีริคสามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นเพื่อน เขาเป็นเจ้าของวลีที่ว่า "ยกมือขึ้นระดับสายตา" เพราะหากยกมือขึ้นระดับสายตา ห่วงปันจาบจะลงมาคล้องคอไม่ได้ กาสตรง เลอลูซ์ บรรยายถึงเขาว่า "มีผิวสีน้ำตาลเข้มและดวงตาสีเขียวเหมือนหยก" ไม่ปรากฏชื่อในเรื่อง แต่อีริคเรียกเขาว่า "ดาโรก้า" ซึ่งเป็นตำแหน่งหัวหน้าตำรวจของอิหร่าน ทำให้สามารถคาดเดาได้ว่าเขาเป็นข้าราชการ เขาเป็นผู้ที่ช่วยอีริคจากความโหดร้าย
มาดามจีรี
เป็นล่ามระหว่างอีริคกับโรงอุปรากร เพราะเธอเคยได้รับความช่วยเหลือจากเขามาก่อน และเป็นหนึ่งในบุคคลไม่กี่คนที่นอกจากจะไม่กลัวเขาแล้วยังรู้สึกสงสารเขา เธอเป็นผู้เก็บรักษากล่องดนตรีของอีริคหลังความตายของเขา
เม็ก จีรี
ลูกสาวของมาดามจีรี เป็นดาวนักบัลเลต์อันดับหนึ่ง เธอมีผมสีดำ ผิวคล้ำ และตาสีดำ เหมือนชาวชวา หรือ ศรีลังกา ซึ่งแตกต่างจากคนฝรั่งเศสทั่วไป(คาดว่าเธอจะเหมือนพ่อ) ซึ่งเป็นปมด้อยที่ทำให้เธอมักพูดถึงตัวเองว่า "ผู้หญิงชั้นต่ำ น่าสมเพช" อีริคเคยทำนายไว้ด้วยไพ่ทารอทว่า "เธอจะได้เป็นจักรพรรดิณีของแม่" และภายหลังเธอได้กลายเป็นภรรยาของขุนนาง ตามที่อีริคเคยทำนาย
เค้าท์ฟิลลิปป์ (Count Philippe de Chagny)
พี่ชายของราอูล มีอายุมากกว่าราอูลถึง 20 ปี และเป็นคนที่ผู้ประพันธ์นิยายอ้างว่าความตายของเขาเป็นเหตุให้ผู้ประพันธ์ค้นหาความจริง และได้พบกับเปอร์เซียและมาดามจีรี่ ซึ่งทั้งคู่ได้เปิดเผยเรื่องราวของอีริค
ดูหนัง หนังใหม่ โปรแกรมหนัง หนังตัวอย่าง คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ