ความสำเร็จของผู้สร้างภาพยนตร์สยองขวัญสั่นประสาทก็คือ การที่ได้เห็นผู้ชมมีอารมณ์กลัว หลอน ช็อก ตามไปกับการร้อยเรียงเรื่องที่ทีมงานสร้างขึ้น ซึ่งภาพยนตร์เรื่องไหน ที่ผูกเรื่องได้สมจริง ก็สามารถทำให้ผู้ชมมีปฏิกิริยาเช่นนั้นได้ อย่างเช่น หนังสยองขวัญของต่างประเทศหลาย ๆ เรื่อง ที่ดูแล้วระทึกขวัญสมจริงมาก ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนำเอาเค้าโครงเรื่องมาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง ๆ และหลายเรื่องก็เป็นเรื่องชวนขนหัวลุกที่คนแทบไม่เชื่อว่า มันเคยเกิดขึ้นจริง ๆ บนโลกใบนี้
และนี่คือส่วนหนึ่งของหนังสยองขวัญที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง ที่เว็บไซต์ horror.about.com นำมาลงไว้ และ คุณ Lakesidemile สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม หยิบมาแปลให้แฟนคลับที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสยองขวัญได้รู้กัน
อ้อ... สำหรับบทความนี้มีการสปอยล์เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ไว้ด้วย ใครที่ยังไม่ได้ชมเรื่องไหน ถ้าไม่อยากถูกสปอยล์ ก็อ่านข้ามเรื่องนั้นไปก่อนนะจ๊ะ...
Psycho (1960)
ภาพขวามือ : เอ็ดเวิร์ด เกน ตัวจริง
เรื่องราวในภาพยนตร์ : เรื่องราวของเจ้าของโรงแรม นาม นอร์แมน เบตส์ ผู้มีอาการทางจิต เห็นภาพหลอนว่ามารดาตนเองที่ตายไปแล้ว ซึ่งเขาเก็บศพของหล่อนไว้ในห้องใต้ดินนั้น และต้องการจะฆ่าแขกที่มาพัก เขาเริ่มกลายเป็นคน 2 บุคลิก และแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของมารดาตอนที่ลงมือฆาตกรรม
เรื่องจริง : ตัวละคร นอร์แมน เบตส์ ได้แรงบันดาลใจมาจาก เอ็ดเวิร์ด เกน ชายชาววิสคอนซิน ที่ถูกจับกุมตัวในปี 1957 ในข้อหาฆาตกรรมหญิงสาว 2 ราย และข้อหาขุดศพของผู้หญิงอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้หญิงเหล่านั้นล้วนมีลักษณะคล้ายมารดาของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาถลกหนังศพออกมาทำเป็นโคมไฟ ถุงเท้า และทำเป็น "ชุดผู้หญิง" เพื่อเวลาสวมใส่แล้วจะได้กลายเป็นผู้หญิง
เอ็ดเวิร์ด เกน ถูกลงความเห็นว่าวิกลจริตและถูกส่งตัวไปอยู่ในสถาบันจิตเวชจนตลอดชีวิต
The Exorcist (1973)
ภาพขวามือ : บ้านในเซนต์หลุยส์ที่ประกอบพิธีไล่ผี
เรื่องราวในภาพยนตร์ : บาทหลวง 2 รูป พยายามทำพิธีไล่ปีศาจที่สิงในร่างของเด็กหญิงวัย 12 ปีผู้หนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองจอร์จทาวน์ ใกล้กับวอชิงตัน ดีซี
เรื่องจริง : วิลเลียม ปีเตอร์ แบลทตี้ ผู้เขียนบทภาพยนตร์และผู้เขียนนวนิยายเรื่อง The Exorcist ได้แรงบันดาลใจมาจากบทความชิ้นหนึ่งที่เขาได้อ่านตั้งแต่สมัยที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ บทความนั้นเกี่ยวกับพิธีไล่ปีศาจในร่างของเด็กชายอายุ 13 ปี ในเมืองเมาท์ เรเนียร์ รัฐแมรี่แลนด์ ในปี 1949
แต่เรื่องราวในบทความนั้นค่อนข้างจะสับสนอยู่มาก ซึ่งอาจจะเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของครอบครัวเด็กชายผู้นั้น แต่ที่แน่ชัดก็คือบ้านของเด็กชายอยู่ในเมืองคอทเทจซิตี้ รัฐแมรีแลนด์ ส่วนพิธีกรรมได้จัดขึ้นในเซนต์หลุยส์ ซึ่งตามหลักฐานแล้ว พฤติกรรมของเด็กชายไม่ได้รุนแรงและเหนือธรรมชาติมากมายแบบที่ปรากฏในภาพยนตร์
Jaws (1975)
ภาพขวามือ : ฉลามขาวแห่งชายฝั่งนิวเจอร์ซีย์
เรื่องราวในภาพยนตร์ : ฉลามขาวความยาว 25 ฟุต ทำให้ผู้คนในอมิตี้ไอแลนด์อกสั่นขวัญผวา มันทำร้ายทั้งคนที่ว่ายน้ำและคนที่ล่องเรือเป็นเวลาหลายวันในช่วงฤดูร้อน
เรื่องจริง : ปีเตอร์ เบนช์ลีย์ นักเขียนนวนิยายและผู้เขียนบทภาพยนตร์ นำเค้าโครงเรื่องมาจากเหตุการณ์ปลาฉลามจู่โจมชายฝั่งนิวเจอร์ซีย์ในปี 1916 ซึ่งในเดือนกรกฎาคมของปีนั้น มีคนถูกฉลามทำร้าย 5 คน โดยเสียชีวิตไป 4 คน ในระยะเวลา 12 วัน และในวันที่ 14 กรกฎาคม ก็สามารถล่าฉลามขาวขนาดความยาว 7 ฟุตได้ เมื่อผ่าท้องมันดู ก็พบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์อยู่ภายใน แต่จนทุกวันนี้ ก็ยังมีผู้ถกเถียงกันว่าฉลามตัวที่จับได้นั้นเป็นฉลามตัวก่อเหตุจริงหรือไม่ โดยนักวิทยาศาสตร์บางคนโต้แย้งว่า ฉลามตัวที่จู่โจมคร่าชีวิตคนไปนั้นอาจจะเป็นฉลามหัวบาตร แต่ก็ไม่มีรายงานเรื่องฉลามทำร้ายคนอีกหลังจากที่ฉลามขาวตัวนั้นถูกฆ่าไปแล้ว
ภาพขวามือ : แฟรงค์ เดอ เฟลิตต้า
เรื่องราวในภาพยนตร์ : เด็กหญิงคนหนึ่งมีท่าทางผิดแปลกออกไปจากเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อแม่ของเธอจึงสงสัยว่า วิญญาณของเด็กหญิงอีกคนที่มีชื่อว่าออเดรย์ โรส สิงอยู่ในร่างลูกสาวของพวกเขา
เรื่องจริง : แฟรงค์ เดอ เฟลิตต้า ผู้เขียนนวนิยายเรื่องนี้ และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นบทภาพยนตร์ โดยแรงบันดาลใจมาจากการที่เรย์มอนด์ ลูกชายอายุ 6 ขวบของเขาสามารถเล่นเปียโนได้อย่างไม่มีที่ติ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเรียนเปียโนมาก่อน
เดอ เฟลิตต้าจึงไปปรึกษาคนทรงชาวลอสแองเจลิสรายหนึ่ง คนทรงบอกกับเขาว่าเรย์มอนด์นั้นได้กลับชาติมาเกิด จึงมีความสามารถในชาติก่อนติดตัวมา และเหตุการณ์นี้ได้ทำให้นักเขียนผู้นี้เชื่อในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด
ภาพขวามือ : ภาพเขียนเกี่ยวกับครอบครัวบีน
เรื่องราวในภาพยนตร์ : ครอบครัวหนึ่งขับรถผ่านทะเลทรายในแถบตะวันตกเฉียงใต้ และได้ใช้ทางลัดที่นำพวกเขาไปสู่ครอบครัวมนุษย์กินคนที่อาศัยในถ้ำของหุบเขาในแถบนั้น
เรื่องจริง : หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับ อเล็กซานเดอร์ "ซอนี่" บีน ชายชาวสก็อตที่มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 15 หรือ 16 ว่ากันว่าชายคนนี้ร่วมมือกับสมาชิกในครอบครัวรวม 40 ชีวิต สังหารและกินมนุษย์คนอื่น ๆ ไปกว่าหนึ่งพันคน
พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำมามากกว่า 25 ปี ก่อนที่จะถูกจับได้และถูกประหารชีวิต มีทั้งหนังสือและภาพยนตร์มากมายทั่วโลกที่สร้างขึ้นจากชีวิตของเขา แต่นักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในปัจจุบันไม่เชื่อว่าบีนมีตัวตนจริง
The Amityville Horror (1979)
ภาพขวามือ : บ้านของครอบครัวลุตซ์
เรื่องราวในภาพยนตร์ : ครอบครัวลุตซ์ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกิดการฆาตกรรมหมู่เมื่อปีก่อน พวกเขาได้ผจญกับเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็ต้องย้ายหนีออกไปหลังจากอยู่ได้เพียง 28 วัน
เรื่องจริง : ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวที่ จอร์จ และ เคธี่ ลุตซ์ ได้พบเจอระหว่างที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นเป็นเวลา 4 สัปดาห์ เหตุการณ์ที่ว่านี้ก็มีทั้งเสียงที่ไร้ที่มา บริเวณที่อุณหภูมิหนาวเย็นผิดปกติ ภาพปีศาจ ไม้กางเขนกลับหัวได้เอง และกำแพงที่มีเมือกสีเขียวซึมย้อยออกมา
เหตุการณ์เกือบทั้งหมดเหล่านี้ที่ปรากฏทั้งในภาพยนตร์ และในหนังสือทำให้คนที่ตามสืบเรื่องนี้คลางแคลงใจ แต่คนส่วนมากเชื่อกันว่ามันเป็นเรื่องโกหก
The Entity (1982)
ภาพขวามือ : ลูกไฟปริศนาที่บันทึกภาพไว้ได้
เรื่องราวในภาพยนตร์ : คาร์ล่า มอแรน แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูก 3 คน ถูกสิ่งลี้ลับบางอย่างทำร้ายร่างกายและข่มขืนเธอหลายต่อหลายครั้ง เธอได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มนักค้นคว้าเรื่องเหนือธรรมชาติซึ่งขอเข้ามาบันทึกข้อมูลและพยายามจะจับสิ่งลี้ลับนั้นให้ได้
เรื่องจริง : ในปี 1974 เคอรี่ เกย์เนอร์ กับ แบรี่ แทฟฟ์ นักค้นคว้าเรื่องลี้ลับ ได้ทำการสืบคดีของหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อว่า ดอริส บิเธอร์ อาศัยอยู่ในเมืองคัลเวอร์ซิตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย เธออ้างว่าตนเองถูกอะไรบางอย่างทำร้ายและคุกคามทางเพศ
เกย์เนอร์ กับ แทฟฟ์ ซึ่งเข้าไปในบ้านของเธอ ได้เห็นข้าวของในบ้านลอยขึ้นมาได้เอง พวกเขาถ่ายภาพลูกไฟที่ลอยกลางอากาศเอาไว้ได้ และได้เห็นร่างบางร่างที่คล้ายมนุษย์ แต่ไม่เคยเห็นว่าร่างนั้นเข้าไปทำร้ายหญิงเจ้าของบ้าน และไม่ได้พยายามจะจับมัน เกย์เนอร์ระบุว่า ทุกครั้งที่ คาร์ล่า มอแรน ย้ายบ้าน การทำร้ายเหล่านั้นก็จะลดลงไป
Dead Ringers (1988)
เรื่องราวในภาพยนตร์ : นรีแพทย์ฝาแฝด เบเวอร์ลี และ เอลเลียต แมนเทิล มีนิสัยชอบใช้ผู้หญิงร่วมกัน แต่แล้วเบเวอร์ลีซึ่งเป็นคนที่ละเอียดอ่อนกว่า กลับตกหลุมรักหญิงสาวรายล่าสุดที่พวกเขาจีบติด
แต่เมื่อเธอรู้ถึงสิ่งที่ฝาแฝดปฏิบัติต่อผู้หญิง เธอก็ตัดสินใจเลิกคบในทันที ทำให้เบเวอร์ลีเสียใจจนหันไปเสพยาและชักจูงน้องชายฝาแฝดให้เสพด้วย
เรื่องจริง : ในเดือนกรกฎาคม ปี 1975 มีผู้พบศพนรีแพทย์ฝาแฝด สจ๊วต และ ซีริล มาร์คัส ในอพาร์ทเม้นท์ของพวกเขา สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องมาจากการเลิกเสพยากดประสาทอย่างกะทันหัน แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่า อะไรเป็นสาเหตุนำพวกเขาไปสู่อาการช็อก
ภาพขวามือ : เพอร์ซี่ เชลลีย์, แมรี่ เชลลีย์ และลอร์ดไบรอน
เรื่องราวในภาพยนตร์ : ในปี 1816 กวีเอก ลอร์ดไบรอน ได้ไปรวมตัวกับเพื่อนกวีอย่างเพอร์ซี่ เชลลีย์ และแมรี่ ว่าที่ภรรยาของเพอร์ซี่ย์ ร่วมด้วยแคลร์ น้องสาวต่างมารดาของแมรี่ และนายแพทย์จอห์น โพลีดอรี แพทย์ประจำตัวของลอร์ดไบรอน ในคฤหาสน์สวิสของเขา ทั้งหมดผลัดกันเล่าเรื่องผี และได้เผชิญกับสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัว
เรื่องจริง : ในคืนที่ฝนตกหนักคืนหนึ่ง ในช่วงฤดูร้อนของปี 1816 เพอร์ซี่ เชลลีย์ กับ แมรี่ ก็อดวิน(ภายหลังได้แต่งงานกับเพอร์ซี่ เชลลีย์) ได้เดินทางไปเยี่ยมลอร์ดไบรอนที่คฤหาสน์สวิส พวกเขาพูดคุยถกประเด็นกันถึงเรื่องวิญญาณ และอ่านเรื่องผีของเยอรมันร่วมกัน
ไบรอนได้แนะนำให้เพื่อนทั้งสองลองเขียนเรื่องแนวลี้ลับ ซึ่งทำให้แมรี่แต่งนิยายเรื่องแฟรงเก้นสไตน์ขึ้นมา ขณะที่ตัวไบรอนเองได้เขียนเรื่องขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ซึ่งต่อมานายแพทย์โพลีดอรีนำไปดัดแปลงเป็นนวนิยายขนาดสั้นเรื่อง The Vampyre
Henry: Portrait of a Serial Killer (1986)
ภาพขวามือ : เฮนรี่ ลี ลูคัส และโอทิส ทูล
เรื่องราวในภาพยนตร์ : เฮนรี่ คือฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมาแล้วนับร้อย ๆ คน ซึ่งบางครั้งโอทิส เพื่อนร่วมห้องของเขาก็ร่วมมือด้วย แต่เฮนรี่ก็ได้พบที่พักใจ นั่นคือเบคกี้ น้องสาวของโอทิส
เรื่องจริง : จอห์น แม็คนอตัน ผู้เขียนบทและผู้กำกับได้แรงบันดาลใจมาจาก เฮนรี่ ลี ลูคัส ฆาตกรต่อเนื่องที่มีผู้สมรู้ร่วมคิดนามโอทิส ทูล และเฮนรี่เองก็คบหากับฟรีด้า พาวล์ หลานสาวของโอทิสอยู่ด้วย
แต่เรื่องการฆ่าคนของเฮนรี่ที่นำไปสร้างในภาพยนตร์นั้น มักเอามาจากคำให้การของเฮนรี่มากกว่าตามความเป็นจริง เฮนรี่ยอมสารภาพเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเสนอว่า หากรับสารภาพก็จะมีการลดโทษให้ โดยเขาให้การว่าฆ่าคนไป 600 ราย แต่คำให้การส่วนมากของเขาพบว่าไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม เฮนรี่ก็ถูกตัดสินว่าฆาตกรรมเหยื่อ 11 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ฟรีด้า พาวล์ และต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต
The Serpent and the Rainbow (1988)
ภาพขวามือ : หนังสือของเวด เดวิส และภาพแคลร์เวียส นาร์ซิสเซ่
เรื่องราวในภาพยนตร์ : เดนนิส อแลน นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกัน ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทยาแห่งหนึ่งให้ไปรับตัวอย่างยาที่ใช้ในพิธีวูดูของชาวเฮติ ยานั้นก็คือ ผงที่ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตจนเสมือนตาย
เรื่องจริง : ภาพยนตร์เรื่องนี้ขยายเรื่องราวมาจากหนังสือที่เขียนโดย เวด เดวิส นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดาในปี 1985 มีเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์ของเวด ในการสร้างผีดิบในประเทศเฮติ เวด ระบุว่า มีสารพิษตามธรรมชาติชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ทำให้คนมีสภาวะเสมือนตายไปแล้วได้ โดยจะมี "ผู้นำ" คอยควบคุมด้วยการสะกดจิต ดังเช่นกรณีของแคลร์เวียส นาร์ซิสเซ่ ผู้ถูกรายงานว่าโดนทำให้กลายเป็นซอมบี้ทาสอยู่ 2 ปีในยุคทศวรรษ 1960
หากแต่เรื่องของเวด เดวิสนี้ยังคงมีผู้ถกเถียงกันอยู่ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเปล่า
The Mothman Prophecies (2002)
ภาพขวามือ : สภาพสะพานซิลเวอร์บริดจ์หลังจากเกิดการถล่ม
เรื่องราวในภาพยนตร์ : นักข่าว จอห์น ไคลน์ ขับรถหลงทางเข้าไปในเมืองพอยต์ เพลสเซินท์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ที่นั่น เขาได้พบกับสัตว์ประหลาดที่เรียกว่า "มนุษย์แมลง" (มอธแมน) ซึ่งว่ากันว่าการปรากฏตัวของมันคือ ลางบอกเหตุร้าย ซึ่งต่อมาสะพานที่ข้ามแม่น้ำโอไฮโอมายังเมืองพอยต์ เพลสเซินท์ ก็พังถล่มลงมา
เรื่องจริง : มีรายงานว่ามีคนพบเห็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ มีปีก หรือที่เรียกกันว่า มนุษย์แมลง ในเมืองพอยต์ เพลสเซินท์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ในช่วงปี 1966-1967 และแล้ว ในวันที่ 15 ธันวาคม 1967 สะพานซิลเวอร์บริดจ์ที่ข้ามแม่น้ำโอไฮโอเชื่อมระหว่างเมืองพอยต์ เพลสเซินท์กับรัฐโอไฮโอ ก็ถล่มลงมา คร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายไป 46 ราย
ภาพขวามือ : ทอม และ ไอลีน โลเนอร์แกน
เรื่องราวในภาพยนตร์ : คู่รักแดเนียล กับ ซูซาน เข้าร่วมทริปทัวร์ดำน้ำ แต่เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์กลับทำผิดพลาดด้วยการพาลูกทัวร์คนอื่น ๆ กลับไปยังเรือ โดยลืมแดเนียลกับซูซานไว้ในทะเลที่รายล้อมด้วยฉลาม
เรื่องจริง : ในเดือนมกราคม ปี 1988 สองสามีภรรยา ทอม และไอลีน โลเนอร์แกน หายตัวไปจากบริเวณเกรทแบริเออร์รีฟในประเทศออสเตรเลีย หลังจากที่บริษัททัวร์ดำน้ำทิ้งพวกเขาไว้ในทะเลโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งกว่าที่บริษัทจะรู้ตัวก็ในอีกสองวันต่อมา เมื่อมีคนพบกระเป๋าที่ใส่กระเป๋าสตางค์กับพาสปอร์ตของทั้งคู่ จากนั้นจึงมีการจัดทีมค้นหา แต่ก็ไม่มีใครพบตัวทั้งสองคนอีก หลายอาทิตย์ต่อมามีผู้พบสัมภาระของพวกเขา แต่ไม่มีร่องรอยใด ๆ ที่ชี้ถึงการจู่โจมของฉลามอย่างที่ปรากฏในภาพยนตร์
ภาพขวามือ : แอนน์ลีส มิเชล ก่อนเสียชีวิต
เรื่องราวในภาพยนตร์ : บาทหลวงท่านหนึ่ง ต้องเข้ารับการพิจารณาคดีการเสียชีวิตของเด็กสาวนามเอมิลี่ โรส ซึ่งบาทหลวงผู้นี้ได้ทำพิธีไล่ผีให้กับเธอ
เรื่องจริง : ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก แอนน์ลีส มิเชล เด็กสาวชาวเยอรมันวัย 16 ปี ซึ่งเริ่มมีอาการเหมือนถูกผีเข้าในปี 1968 เด็กสาวต้องทรมานกับการขยับตัวไม่ได้ เธอทำร้ายตัวเอง อดอาหาร และเห็นภาพหลอนของปีศาจอยู่หลายปี จนกระทั่งในปี 1975 บาทหลวง 2 คนก็เข้ามาทำพิธีไล่ผีให้กับเธอติดต่อกันกว่า 10 เดือน ในระหว่างนั้น แอนน์ลีสแทบจะไม่ได้กินอะไร จนเสียชีวิตจากการขาดสารอาหารในเดือนกรกฎาคม 1976
พ่อแม่ของเธอกับบาทหลวงทั้งสองถูกนำตัวไปขึ้นศาล และถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าคนตาย โดยรับโทษจำคุก 6 เดือน
Wolf Creek (2005)
ภาพขวามือ : แบรดลีย์ จอห์น เมอร์ด็อค และอิวาน มิลาท
เรื่องราวในภาพยนตร์ : นักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษ 2 คน กับชายชาวออสเตรเลียอีก 1 คน เดินทางเข้าไปในแถบชนบทของประเทศออสเตรเลีย เพื่อจะตั้งแคมป์ในอุทยานแห่งชาติวูล์ฟครีก แต่รถของพวกเขาเสีย จึงได้รับความช่วยเหลือจากคนขับรถพ่วง แต่แล้วคนขับรถพ่วงคนนี้กลับจับตัวพวกเขาไปทรมาน
เรื่องจริง : เกร็ก แมคลีน แต่งบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่งขึ้นมา แต่เมื่อเขาได้ทราบเรื่องจริงของ 2 ฆาตกรชาวออสเตรเลีย แบรดลีย์ จอห์น เมอร์ด็อค ผู้สังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษคนหนึ่ง และพยายามจะลักพาตัวนักท่องเที่ยวอีกคนในเดือนกรกฎาคม ปี 2001 กับ อิวาน มิลาท ที่รับนักโบกรถให้ขึ้นรถของเขาแล้วจับนักโบกเหล่านั้นไปทรมานในป่าแล้วจึงฆ่าทิ้งในช่วงทศวรรษที่ 90s เกร็ก แมคลีน ก็เปลี่ยนบทภาพยนตร์เรื่องนั้นเพื่อให้สะท้อนถึงคดีนี้ ทั้งนี้ ทั้งเมอร์ด็อคและมิลาทถูกจับกุมตัวและรับโทษจำคุกตลอดชีวิต
An American Haunting (2005)
ภาพขวามือ : บ้านของจอห์น เบลล์
เรื่องราวในภาพยนตร์ : ในศตวรรษที่ 19 จอห์น เบลล์ เจ้าของฟาร์มกับภรรยาและลูก ๆ ต้องทนทุกข์กับสิ่งลี้ลับบางอย่างที่มองไม่เห็นตัว และมันกำลังหมายตาเบตซี่ ลูกสาวของเขาอยู่
เรื่องจริง : ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเค้าโครงเรื่องมาจากตำนานแม่มดเบลล์ อันเป็นเรื่องเล่าขานที่มีต้นกำเนิดในรัฐเทนเนสซี่ในราวทศวรรษ 1800s ตามตำนานนั้น จอห์น เบลล์ เสียชีวิตด้วยการดื่มยาพิษเข้าไป ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของผีร้ายที่ต่อมาเรียกกันว่าแม่มดเบลล์
มีหลายคนเชื่อว่า คดีของ จอห์น เบลล์ นั้น รัฐเทนเนสซี่รับรองให้เป็นคดีเดียวในประวัติศาสตร์ที่มีฆาตกรเป็นภูตผี ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่มีหลักฐานยืนยันคำกล่าวอ้างดังกล่าวแต่อย่างใด
Primeval (2007)
ภาพขวามือ : โฉมหน้าหล่อ ๆ ของเจ้ากุสตาฟ
เรื่องราวในภาพยนตร์ : ทีมนักข่าวชาวอเมริกันเดินทางเข้าประเทศบุรุนดี เพื่อถ่ายทำสารคดีเรื่องการจับตัวจระเข้กินคน ซึ่งมีขนาดความยาวถึง 30 ฟุต และฆ่าคนไปแล้วมากกว่า 300 คน
เรื่องจริง : ตัวหนังนั้นสร้างมาจากเรื่องของเจ้ากุสตาฟ จระเข้ความยาว 20 ฟุต อาศัยอยู่ในบุรุนดี ชาวบ้านเชื่อกันว่ามันเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา และลือกันด้วยว่ามันกินคนไปแล้วถึง 300 คน ซึ่งน่าจะเกินจริงไปมาก และความพยายามที่จะจับตัวเจ้ากุสตาฟนั้นก็ไม่ประสบผลสำเร็จ จระเข้ที่ว่ากันว่ามีอายุถึง 65 ปีตัวนี้ยังคงอาศัยอยู่ในแม่น้ำรูซีซีในประเทศบุรุนดีต่อไป
The Haunting in Connecticut (2009)
ภาพขวามือ : บ้านผีสิงในคอนเนคติกัท
เรื่องราวในภาพยนตร์ : ครอบครัวแคมพ์เบลล์ย้ายไปอยู่ในรัฐคอนเนคติกัท เพื่อให้ แมทท์ ลูกชายของพวกเขาได้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่ไม่นาน พวกเขาก็พบว่าบ้านหลังใหม่นี้เคยเป็นที่เก็บศพและมีวิญญาณร้ายสิงสู่อยู่
เรื่องจริง : แรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากเรื่องราวของครอบครัวพาร์คเกอร์ ซึ่งย้ายมายังรัฐคอนเนคติกัทในปี 1986 เพื่อให้พอล ลูกชายอายุ 14 ปีของครอบครัวเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง
ในห้องใต้ดินของบ้านซึ่งเป็นห้องนอนของพอล พวกเขาเจออุปกรณ์รักษาศพ ซึ่งทำให้เดาได้ว่าบ้านหลังนี้เคยใช้เป็นห้องดับจิต ครอบครัวพาร์คเกอร์เล่าว่า พวกเขาได้พบกับปรากฏการณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ได้ บางครั้งพื้นห้องก็เจิ่งนองไปด้วยเลือด บ้างก็ได้ยินเสียงที่หาต้นตอไม่ได้ บ้างก็เห็นเงาวูบวาบ ต่อมาพอลถูกอะไรบางอย่างสิงร่าง จนทำให้เขาลงมือทำร้ายคนในครอบครัว พ่อแม่ของเขาจึงต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญมาทำพิธีไล่ผีในบ้าน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีภาพยนตร์สยองขวัญอีกหลายเรื่องที่หยิบเค้าโครงเรื่องมาจากเหตุการณ์จริง พอยิ่งได้รู้ว่า ความน่ากลัวที่ปรากฏในภาพยนตร์นั้นเคยเกิดขึ้นจริง ๆ มาแล้ว ก็ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้นดูน่ากลัวมากขึ้นเป็นทวีคูณเลยทีเดียว
ภาพขวามือ : บ้านผีสิงในคอนเนคติกัท
เรื่องราวในภาพยนตร์ : ครอบครัวแคมพ์เบลล์ย้ายไปอยู่ในรัฐคอนเนคติกัท เพื่อให้ แมทท์ ลูกชายของพวกเขาได้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่ไม่นาน พวกเขาก็พบว่าบ้านหลังใหม่นี้เคยเป็นที่เก็บศพและมีวิญญาณร้ายสิงสู่อยู่
เรื่องจริง : แรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากเรื่องราวของครอบครัวพาร์คเกอร์ ซึ่งย้ายมายังรัฐคอนเนคติกัทในปี 1986 เพื่อให้พอล ลูกชายอายุ 14 ปีของครอบครัวเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง
ในห้องใต้ดินของบ้านซึ่งเป็นห้องนอนของพอล พวกเขาเจออุปกรณ์รักษาศพ ซึ่งทำให้เดาได้ว่าบ้านหลังนี้เคยใช้เป็นห้องดับจิต ครอบครัวพาร์คเกอร์เล่าว่า พวกเขาได้พบกับปรากฏการณ์บางอย่างที่อธิบายไม่ได้ บางครั้งพื้นห้องก็เจิ่งนองไปด้วยเลือด บ้างก็ได้ยินเสียงที่หาต้นตอไม่ได้ บ้างก็เห็นเงาวูบวาบ ต่อมาพอลถูกอะไรบางอย่างสิงร่าง จนทำให้เขาลงมือทำร้ายคนในครอบครัว พ่อแม่ของเขาจึงต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญมาทำพิธีไล่ผีในบ้าน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีภาพยนตร์สยองขวัญอีกหลายเรื่องที่หยิบเค้าโครงเรื่องมาจากเหตุการณ์จริง พอยิ่งได้รู้ว่า ความน่ากลัวที่ปรากฏในภาพยนตร์นั้นเคยเกิดขึ้นจริง ๆ มาแล้ว ก็ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้นดูน่ากลัวมากขึ้นเป็นทวีคูณเลยทีเดียว