ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Warner Bros., เฟซบุ๊ก ทางการภาพยนตร์ The Dark Knight Rises
การคุกคามมาในรูปแบบของจอมวายร้ายสวมหน้ากากที่มีความอำมหิตมีนามว่า เบน เขาเป็นที่กล่าวขานของชาวเมืองก็อธแธมด้วยการแสดงศักยภาพความโหดเหี้ยม ในเวลาที่สแกร์โครว์เป็นมนุษย์โรคจิต และโจ๊คเกอร์เป็นผู้นิยมอนาธิปไตย "เบนเป็นผู้ก่อการร้ายที่มีปัญหาทั้งด้านจิตใจและพฤติกรรม" ทอม ฮาร์ดี้ ผู้รับบทเป็นศัตรูตัวฉกาจคนใหม่ของแบทแมน เล่าว่า "เขาเป็นพวกชอบข่มขู่คุกคามและฉลาดเป็นกรด ซึ่งนั่นทำให้เขาดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก"
ระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ นักแสดงนำทั้งหมดอย่าง คริสเตียน เบล, ทอม ฮาร์ดี้ และ แอน แฮทธะเวย์ ต้องมีการฝึกซ้อมรายบุคคลอย่างเข้มงวด เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเข้าฉากแอ็คชั่นของพวกเขา แม้ว่าเบลจะมีการร่วมงานในภาค 3 ด้วยบทแบทแมน เขาต้องใช้ร่างกายแสดงมากขึ้นในเรื่อง The Dark Knight Rises เมื่อ บรูซ ไม่ได้เป็นอัศวินรัตติกาลมานานหลายปีแล้ว ใน 2 ภาคแรกเบลมีการฝึกฝนการใช้ศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า Keysi แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อสื่อถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเขา และเพื่อเป็นการรับมือการสไตล์ของคู่ต่อสู้ของเขาด้วย ทอม สตรูเธอร์ส เล่าว่า "เราไม่ได้ทิ้ง Keysi ไปแต่เราพัฒนามันขึ้นมาอีกขั้นเพื่อรับมือกับความโหดเหี้ยมของเบน"
ความคล่องตัวของ บรูซ เวย์น อาจถดถอยลงตามกาลเวลา แต่เบลมีฝีมือมากกว่าเดิม บัสเตอร์ รีฟส์ ผู้ควบคุมการต่อสู้ที่แสดงแทนนักแสดงชายใน 2 ภาคแรก เล่าว่า "เขาเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ผมบอกนักแสดงผาดโผนคนอื่น ๆ ว่าเขาต้องซ้อมตามจังหวะ 2 ครั้งและเขาก็ทำได้ และเมื่อ คริสเตียน เดินเข้ามา เขาก็ต้องซ้อมอีก 2 ครั้ง จากนั้นก็สามารถแสดงการต่อสู้ได้อย่างสุดฝีมือ มันน่าทึ่งมาก"
รีฟส์สลับมาทำหน้าที่เป็นนักแสดงผาดโผนแทนฮาร์ดี้ใน เรื่อง The Dark Knight Rises เขาเล่าว่า "ทอมมีรูปร่างที่เป๊ะมาก เมื่อเขามาร่วมงานเขาก็พร้อมสำหรับทุกอย่าง อันที่จริงเราตัดเขาออกจากการฝึกซ้อม เพราะเขาอยากฝึกซ้อมตลอดเวลา เขาทำให้พวกเราเหนื่อยมาก"
"ทอมแสดงได้ดีเยี่ยมจนกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่เอาชนะได้ยากมาก" เบล กล่าว "เขาเป็นนักแสดงที่มีความกล้าหาญและผมชื่นชมในตัวเขามาก ๆ เลย และมันวิเศษมากที่ได้ร่วมงานกับเขา"
ความท้าทายที่สำคัญอย่างหนึ่งของการออกแบบท่าทางการต่อสู้ให้เบนคือการจัดเรียงเวลา รีฟส์ อธิบายว่า "การเคลื่อนไหวของเขามีความว่องไว แต่เขาพูดช้าและสุภาพมาก การพยายามเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วระหว่างพูดเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่เราคิดไว้มาก ต้องมีการฝึกซ้อมเพื่อให้ทุกอย่างลงล็อคเข้าจังหวะ และกำหนดว่าทอมควรพูดประโยคของเขาตอนที่แสดงอะไร"
ระหว่างที่แบทแมนและเบนต่อสู้กัน "ถือว่าเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมบนจอภาพยนตร์" โรเว็น กล่าว "มันเป็นการปะทะกันของพลังที่ยิ่งใหญ่และมันดูแล้วน่าทึ่งมาก"
โนแลน ยืนยันว่า "มันเป็นการปะทะกันแบบหมัดต่อหมัด คริสเตียน กับ ทอม ทุ่มเทการทำงานในตัวละครอย่างมาก แต่ก็มีปัญหาเรื่องเครื่องแต่งกาย ตัวละครหนึ่งอำพรางใบหน้าจนเหลือเพียงแค่ครึ่งล่าง ส่วนอีกตัวละครหนึ่งเหลือเพียงครึ่งท่อนบนทำให้พวกเขามีปัญหาเรื่องการฟังเสียงกัน เพราะพวกเขาต้องสวมหน้ากากพวกนั้นและแสดงท่ามกลางบรรยากาศที่มีเสียงดัง ขณะเดียวกันก็ต้องวาดลวดลายฝีมือด้วย
"มันต้องมีการเตรียมตัวอย่างจริงจัง" ผู้กำกับกล่าวต่อ "และพอถึงเวลาแสดง คริสเตียนกับทิมก็ทำงานร่วมกันได้เข้าขามาก มันดูน่ากลัวจริง ๆ และน่ากลัวมากเมื่อได้เห็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์และความยิ่งใหญ่แสดงได้ถึงบทบาท ในหนังมีฉากแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์หลายฉาก แต่การเผชิญหน้าแบบตาต่อตาระหว่าง 2 คู่ต่อสู้นี้เป็นสิ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นจุดเด่นของภาพยนตร์"
ปิดฉากตำนานอัศวินรัตติกาล The Dark Knight Rises วันนี้ในโรงภาพยนตร์