The Princess and the Frog
ตัวอย่าง The Princess and the Frog
The Princess and the Frog ครองแชมป์ $24 ล้าน (สยามดารา)
เรื่องราวเทพนิยายที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในนิวออร์ลีนส์ ช่วงทศวรรษ 1920 ดัดแปลงจากนิยายของ อี.ดี. เบเกอร์ นักเขียนชาวอเมริกันที่อาศัยแรงบันดาลใจจากนิทานของพี่น้องกริมม์ The Frog Prince หรือที่บ้านเรารู้จักในชื่อของ "เจ้าชายกบ" อีกทีหนึ่ง กลายเป็นการตัดสินที่ถูกต้องของดิสนีย์ ทั้งการย้อนสู่การวาดการ์ตูนแบบ 2 มิติที่ใช้มือเขียนล้วน ๆ นับตั้งแต่ Home on the Range ในปี 2004 พวกเขายังได้ผลงานแอนิเมชั่นที่มีตัวเอกเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน ที่ประสบความสำเร็จเป็นเรื่องแรกของสตูดิโออีกด้วย
"มันเป็น 1 ในความคลาสสิกของเทพนิยายแบบดิสนีย์ และผู้คนก็เพียงแค่รู้สึกตกหลุมรักหนังเท่านั้น" ชัค เวียน ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายของบัวนาวิสต้า บริษัทลูกของดิสนีย์ กล่าวถึงความสำเร็จของหนังที่ได้คนดู 64% เป็นผู้หญิงที่เกินกว่าครึ่งอายุต่ำกว่า 25 ปี "ผมเชื่อมั่นมาตลอดว่าเมื่อคุณเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอในรูปแบบใดก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น"
อย่างไรก็ตาม Princess and the Frog ที่มีรายรับเปิดตัวตัวสูงสุดของเดือนธันวาคมในบรรดาหนังแอนิเมชั่น แต่ยังถือว่าน้อยกว่า Enchanted หนังแนวเทพนิยายแอนิเมชั่นผสมคนแสดงจริงเมื่อปี 2007 และบรรดาผลงานของดิสนีย์ ในทศวรรษ 90 ที่ถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองของภาพยนตร์การ์ตูนแบบดั้งเดิม โดยหากรวมการฉายแบบจำกัดโรงที่นิวยอร์ก และลอสแอนเจลีส ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขจะอยู่ที่ $27.08 ล้าน และจากนี้ก็คงจะต้องฝากความหวังกับกระแสแบบปากต่อปากเพื่อโอกาสทำเงินในช่วงบรรยากาศฉลองส่งท้ายปีของชาวอเมริกัน
ผลงานใหม่อีกเรื่องที่เข้าฉายสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Invictus หนังดรามาการเมืองของ คลินต์ อีสต์วู้ด ผู้กำกับฯ ระดับปูชนียบุคคลของฮอลลีวูด ทำรายรับอันดับ 3 $8.61 ล้านใน 2,125 โรง จัดว่าอยู่ระดับปานกลาง หากมองจากการที่มี มอร์แกน ฟรีแมน ที่รับบทเนลสัน แมนเดล่า ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ได้เหมือนตัวจริงจนถูกคาดหมายว่าจะเป็นตัวเต็งออสการ์ในต้นปีหน้า
"ผมรู้สึกพอใจบทวิจารณ์ออกมาดีและกระแสปากต่อปากก็ยอดเยี่ยม ทำให้ผมมีความเชื่อมั่นอย่างสูงสุด" แดน เฟลล์แมน ประธานจัดจำหน่ายของวอร์เนอร์ พูดถึงหนังแนวกีฬาเรื่องที่ 2 ในรอบ 1 เดือนของสตูดิโอ หลังจากเทียบกับ Mystic River และ Million Dollar Baby 2 ผลงานดรามารันทดของอีสต์วู้ด ก่อนหน้านี้ก็ถือว่าไม่ได้มากน้อยกว่ากันเท่าไรในตอนเปิดฉายวงกว้าง
The Blind Side
หนังกีฬาอีกเรื่องที่ว่าก็หนีไม่พ้นแชมป์เก่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว The Blind Side เซอร์ไพรส์ประจำช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยทำรายรับเพิ่มอีก $15.05 ล้าน ลดลง 25% ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับระยะเวลาฉายที่ผ่านมา 24 วัน โดยต้องยกความดีให้กับการใช้อเมริกันฟุตบอล กีฬามหาชนของประเทศสหรัฐฯ เป็นจุดขาย นอกเหนือจากเรื่องราวที่มาจากชีวิตจริงของ ไมเคิล โอเฮอร์ ผู้เล่นรุกกี้ของบัลติมอร์ เรฟเวนส์ จนทำให้หนังรักบี้ของปู่อีสต์วู้ด ที่ห่างกันชีวิตของพวกเขาไม่ได้รับความสนใจอย่างที่ควรเป็น
เฟลล์แมน พูดถึง Blind Side ที่กลายเป็นหนังดรามากีฬาที่ทำเงินสูงสุดของสหรัฐฯและเตรียมทัชดาวน์ทุบสถิติรายรับสูงสุดหนังกีฬาอเมริกันฟุตบอลของ The Waterboy ในช่วงไม่เกิน 1 - 2 สัปดาห์ข้างหน้า หากตัวเลขรายรับยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป "ผู้คนที่อาศัยอยู่ช่วงตอนกลางของประเทศช่วยทำให้หนังรักษาระดับรายรับที่ดีเอาไว้ ในขณะที่ทำรายรับได้ยอดเยี่ยมในทุกๆแห่ง กระแสตอบรับในเมืองเล็ก ๆ และชุมชนที่มีชาวคริสเตียนอาศัยอยู่มาก ก็ออกมาน่าเหลือเชื่อเช่นกัน"
สำหรับขวัญใจสาว ๆ The Twilight Saga: New Moon หล่นมาสู่อันดับ 4 หลังจากรายรับลดเหลือ $7.96 ล้าน สูสีกับภาคแรกที่ทำรายรับราว $8 ล้านในช่วงสุดสัปดาห์เดียวกันเมื่อปีที่แล้ว แต่รายรับรวมแตกต่างกันลิบลับระหว่าง $150 ล้านกับ $267.3 ล้าน
New Moon
อย่างไรก็ตามนอกสหรัฐฯเหล่าแวมไพร์ New Moon ยังคงดูดเลือดบรรดาคนดูได้เป็นอันดับ 1 เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยตัวเลข $22.3 ล้านใน 66 ประเทศ รายรับตลาดต่างประเทศรวม $358.7 ล้าน แต่คาดว่าคงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากสัปดาห์นี้จะมี Avatar ผลงานมหากาพย์ 3D ของเจมส์ คาเมรอน ผู้สร้าง Titanic เปิดตัว โดยบางประเทศ ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ วางแผนจะเริ่มฉายในวันพุธกันเลยและมีการประเมินว่าจะขึ้นจอฉาย 16,550 โรงใน 106 ประเทศ
The Lovely Bones
ในช่วงปลายปีอย่างที่รู้กันว่าเป็นเวลาแข่งขันของหนังหวังรางวัล โดยสุดสัปดาห์นี้ที่น่าจับตามองที่สุดหนีก็คงเป็น The Lovely Bones หนังดรามาทริลเลอร์ของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับไตรภาค The Lord of the Rings เข้าฉาย 2 โรง ที่แอลเอ และ 1 โรงนิวยอร์ก ทำรายรับรวม $116,616 หรือเฉลี่ยต่อโรง $38,872 ขณะที่เดอะ ไวน์สตีน คอมปานี ได้ตัว โคลิน เฟิร์ธ นักแสดงหนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษพลิกบทบาทมารับบทเกย์ใน A Single Man เข้าฉาย 9 แห่งทำรายรับ $ 217,332 หรือเฉลี่ยต่อโรง $24,148
A Single Man
นอกจากนี้ตามที่พาดหัวข้างบน ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ยูเอสบ็อกซ์ออฟฟิศ ทำรายรับรวม $9.79 พันล้านกลายเป็นสถิติใหม่แทน $9.68 พันล้านใน 2007 ลงได้สำเร็จ (แต่ปี 2002 ครองตำแหน่งยอดผู้ชมสูงสุดอยู่) ทำให้เวลาที่เหลืออีก 3 สัปดาห์ก่อนจะสิ้นปี นอกจาก Avatar ที่ฮิตไม่ฮิตก็ต้องมีอย่างน้อยหลัก $100 ล้าน Sherlock Holmes, Alvin and the Chipmunks: The Squeakuel และ It\'s Complicated พร้อมจะเป็นกำลังสนับสนุนที่จะทำให้ตัวเลขรายได้ข้ามหลักหมื่นล้านตามที่พอล เดอร์การาเบเดี้ยน นักวิเคราะห์ธุรกิจภาพยนตร์ประจำเว็บ Hollywood.com คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
"วิกฤตเศรษฐกิจโลกได้สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลและเมื่อมารวมกับที่บรรดาสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ต่างๆเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่อย่างน้อยมันก็มีแสงสว่างเล็ก ๆ ในสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงนี้" เดอร์การาเบเดี้ยน เปรียบเทียบให้เห็น "ทุกคนยังคงอยู่ในปี 2009 กับการที่มีหนังฟอร์มยักษ์อีกหลายเรื่องเหลืออยู่" ทำให้ตอนนี้ฮอลลีวูด แทบจะเตรียมงานฉลองตัวเลขรายรับ 11 หลักเป็นครั้งแรกล่วงหน้ากันแล้ว
โดยนอกจาก Avatar ที่จะเข้าฉายแบบปูพรมทั้งโรงธรรมดา และไอแม็กซ์ กว่า 3,300 แห่งทั่วสหรัฐฯ หลังจากกระแสความสนใจเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่านับตั้งแต่นักวิจารณ์เขียนถึงหนังในด้านบวก โซนี่ รับอาสาเป็นผู้กล้าท้าชิงเพียงสตูดิโอเดียว แต่เจาะกลุ่มเป้าหมายสาววัยทำงานกับหนังโรแมนติกคอมเมดี้ Did You Hear About the Morgans? ที่เป็นการโคจรมาเจอกันครั้งแรกของ ฮิวจ์ แกรนท์ กับ ซาร่าห์ เจสซิก้า ปาร์คเกอร์ และไวน์สตีน คอมพานี จะส่ง Nine หนังเพลงเรื่องล่าสุดของ ร็อบ มาร์เชลล์ ที่เคยสร้างชื่อจาก Chicago ทดสอบกระแส 4 โรง
ดูหนัง หนังใหม่ โปรแกรมหนัง หนังตัวอย่าง คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ