ซีกอร์นี วีเวอร์ จาก เอเลี่ยน ถึง อวตาร







ซีกอร์นี วีเวอร์ จาก เอเลี่ยน ถึง อวตาร (กรุงเทพธุรกิจ)

          ถ้ามีใครเปิดประเด็นพูดคุยเรื่องนักแสดงในภาพยนตร์แนวไซไฟ ชื่อของนักแสดงสาวใหญ่ ซีกอร์นี วีเวอร์ คงวนเวียนอยู่ไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง

          ตั้งแต่เธอสวมบท เอลเลน ริปลีย์ นักวิทยาศาสตร์สาวผู้หลักแหลมในภาพยนตร์มหากาพย์ไซไฟที่เป็นตำนานอย่าง เอเลี่ยน จนถึงตอนนี้ก็ครบรอบ 30 ปีแล้ว และก็ถึงเวลาที่ วีเวอร์ จะกลับมาปฏิบัติภารกิจที่ข้องเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกอีกครั้ง ใน อวตาร อีกหนึ่งภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์แห่งปีของ เจมส์ คาเมรอน ที่เคยพาภาพยนตร์ ไททานิค ทุบสถิติทั่วโลกมาแล้วเมื่อ 12 ปีก่อน 

          ในอวตาร วีเวอร์ รับบทเป็น เกรซ ออกัสติน นักพฤกษศาสตร์ผู้ฉุนเฉียวและใจร้อน เป็นผู้คอยให้คำปรึกษากับนาวิกโยธินหนุ่ม เจค ซัลลี่ (แซม วอร์ธิงตัน) ในป่าบนดาวแพนโดราที่สวยงามแต่อวลไปด้วยบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ และยังเป็นเป้าหมายที่เหล่ามนุษย์มุ่งหวังจะตักตวงแร่อันมีค่าของที่นั่น 

          ซีกอร์นี วีเวอร์ เนื้อเต้นเอาการกับบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะยอมรับว่า ชื่นชอบบทบทบาทที่ต้องไปยังดาวดวงอื่น ๆ อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น เอเลี่ยน ทั้งสี่ภาค โกสต์บัสเตอร์อีกสอง กาแล็กซี เควสต์ และมาถึงอวตาร วีเวอร์ก็ยังคงได้กลับมาล่องลอยบนอวกาศในภาพยนตร์อย่างที่เธอปลาบปลื้ม

          "อวกาศเป็นสิ่งที่ดีสำหรับฉัน" นักแสดงหญิงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์บอกอย่างนั้น นับตั้งแต่รับบท ริปลีย์ ในเอเลี่ยน ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นไอคอนของภาพยนตร์แนวนี้ และเป็นหัวข้อต้น ๆ เวลาแฟน ๆ จะถกกันถึงดารานำหญิงที่เป็น "ฮีโร่" ในภาพยนตร์ไซไฟ 

          นับได้ว่าภาพยนตร์เรื่องเอเลี่ยนได้ปฏิวัติวงการฮอลลีวูด ที่นักแสดงหญิงส่วนใหญ่เป็นเพียงเหยื่อที่นั่งรออยู่ในความมืดให้พ้นจากเหล่านักล่า หรือศัตรูที่เป็นเพศชาย 

          เมื่อภาพยนตร์เอเลี่ยนได้รับความนิยม บท ริปลีย์ ที่ฉลาด เยือกเย็น เอาตัวรอดได้ ก็ทำให้ฮอลลีวูดเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ภาพของหญิงสาวในภาพยนตร์ไซไฟเปลี่ยนไป เข้มแข็ง สง่างาม ฉลาด และไม่ได้เป็นเพียงเหยื่อที่ไร้ทางสู้อีกต่อไป

          ส่วน เกรซ ในอวตาร แม้จะมีส่วนคล้ายคลึงบท ริปลีย์ ในเอเลี่ยนอยู่มาก ยิ่งไปกว่านั้น ในครั้งแรก นักพฤกษศาสตร์สาวของอวตาร จะมีชื่อว่า เกรซ ริปลีย์ แต่ก็ได้เปลี่ยนให้เป็น เกรซ ออกุสทีน เพื่อไม่ให้เกิดการเชื่อมโยงกับ อัลเลน ริปลีย์ ในเอเลี่ยน 

          กระทั่งตัววีเวอร์เอง ยังจัดการสีผมให้กลายเป็นสีแดงเพลิง เพื่อไม่ให้ติดภาพบทของเธอในเอเลี่ยนที่มีผมสีดำเลยทีเดียว

          ในอีกมุมหนึ่ง หลังจากเอเลี่ยนภาคแรก วีเวอร์เองก็ลองพลิกบทบาทไปบ้างเช่นกัน เธอรับเล่นบทหลากหลาย ตั้งแต่ Ghostbusters ไปถึง Death and the Maiden ที่ต้องเคร่งเครียด และ The Ice Storm ที่ต้องโศกเศร้า เพราะเธอคิดว่า นักแสดงที่โลดแล่นอยู่ในบทเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ความสามารถในการสร้างความตื่นตาตื่นใจ และดึงดูดคนดูของตัวเองก็จะผุกร่อนลงไปเรื่อย ๆ


          เธอไม่ได้ต้องการเป็นเพียงริปลีย์ไปตลอดชั่วชีวิต แต่ยังต้องการก้าวไปให้ได้มากที่สุด ราวกับบูมเมอแรงที่ถูกขว้างไปไกล...จากภาพยนตร์แบบหนึ่งไปสู่อีกแบบหนึ่ง แล้วก็ยังกลับมาในจุดเดิมได้อย่างสวยงาม เพราะเธอเองก็ยังรักในความเป็นไซไฟ

          สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในอวตาร ทั้งยังทำให้วีเวอร์ตื่นเต้นอย่างมาก คือการที่ตัวเธอจะถูกทำให้เป็นสีฟ้าสดใส แถมยังตัวสูงใหญ่ถึง 9 ฟุต ซึ่งตามเนื้อเรื่องแล้ว เป็นความสูงที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างดีเอ็นเอของมนุษย์และพันธุกรรมของชาวนาวี ชนพื้นเมืองของแพนโดร่า ซึ่งจะเกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ที่คาเมรอน เรียกว่า E-Motion Capture Technology ที่ถูกใช้ไปในช่วงเวลากว่าร้อยชั่วโมงของแต่ละเฟรม

          ผลของเทคนิคดังกล่าว ทำให้ อวตาร ได้เปิดประตูนำผู้ชมเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยภูเขาลอยได้ แมงกะพรุนสีชมพูบินไปมา และมีครึ่งมนุษย์ครึ่งเอเลี่ยน เหล่าอวตาร ที่ดูไม่ธรรมดาด้วยผิวสีฟ้า ใบหูเรียว และหางแหลมวีเวอร์บอกว่า ดูสวยงามและน่ากลัวในคราวเดียวกัน

          แต่เธอก็ยังบอกว่า ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ในหนังไซไฟ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง นั่นจึงทำให้เธอยังหลงรักหนังไซไฟอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

          สำหรับคอภาพยนตร์ไซไฟ เตรียมตัวพิสูจน์ความอลังการได้ในวันที่ 17 ธันวาคม ทุกโรงภาพยนตร์


  ดูหนัง หนังใหม่ โปรแกรมหนัง หนังตัวอย่าง คลิกเลย


  คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ




ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ซีกอร์นี วีเวอร์ จาก เอเลี่ยน ถึง อวตาร อัปเดตล่าสุด 16 ธันวาคม 2552 เวลา 14:34:54 3,578 อ่าน
TOP
x close