สำหรับแฟน ๆ ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แอนิเมชั่นจาก วอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney) ข้อเท็จจริงเบื้องหลังตัวละครและการสร้างภาพยนตร์เรื่องโปรดของเราต่อไปนี้ โดยคุณ thegreatjellybean จากเว็บไซต์ imgur.com ที่ได้รวบรวมไว้บางส่วนอาจเป็นสิ่งที่เราพอรู้กันอยู่แล้ว หรือก็อาจจะไม่รู้เลยก็เป็นได้ และถ้าใครอยากลองวัดดูว่าตัวเองรู้เรื่องราวเบื้องหลังแผ่นฟิล์มของ วอลท์ ดิสนีย์ ดีแค่ไหนนั้น เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าเรารู้ข้อเท็จจริงทั้ง 10 ข้อนี้ครบหรือไม่
1. Snow White and the Seven Dwarfs
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Snow White
มาเริ่มกันที่จุดเริ่มต้นของมหากาพย์แอนิเมชั่นของ วอลท์ ดิสนีย์ กันเลยดีกว่า เรารู้หรือไม่ว่า วอลท์ ดิสนีย์ ต้องยอมจำนองบ้านของเขาเองเพื่อนำเงินมาสมทบในกระบวนการสร้างแอนิเมชั่นเรื่อง Snow White ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1,488,422.74 ดอลลาร์สหรัฐ นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีต้นทุกสร้างสูงอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปี 2516 อย่างไรก็ตามการลงทุนในครั้งนี้ของ วอลท์ ดิสนีย์ นั้นไม่เสียเปล่าเลย เมื่อ Snow White ได้กลายมาเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเจ้าของรายได้สูงสุดตลอดกาล
และอีกสิ่งที่ยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของผู้ชมก็คือใบหน้าเขินอายของสโนว์ไวท์ ซึ่งเรารู้หรือไม่ว่าเพื่อจะทำให้สโนว์ไวท์ มีแก้มแดง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติในยุคสมัยที่ยังไม่มีเทคโนโลยีเท่าขณะนี้ ศิลปินผู้ลงสีได้ตัดสินใจนำผงชาดของพวกเธอเองมาแต้มลงบนแก้มของสโนว์ไวท์ และแน่นอนว่าเมื่อ วอลท์ ดิสนีย์ ลองถามพวกเธอว่า พวกเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าลงสีในแต่ละแผ่นได้อย่างถูกต้อง พวกเธอก็ตอบกลับมาง่าย ๆ ว่า "คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งที่เราทำมาตลอดทั้งชีวิตล่ะคะ ?"
2. Frozen
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Frozen
รู้กันหรือไม่ว่า ฉากที่เอลซ่าเดินออกไปยังระเบียงของพระราชวังน้ำแข็งที่เธอสร้างขึ้นใหม่นั้น มีความยาวรวมทั้งสิ้น 218 เฟรม และยังกลายมาเป็นฉากที่ต้องใช้เวลาเรนเดอร์นานที่สุดอีกด้วย เพราะเพียงแค่ฉากนี้ฉากเดียว ทีมงานต้องใช้เวลาเรนเดอร์นานถึง 132 ชั่วโมงเลยทีเดียว
3. The Princess and the Frog
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก The Princess and the Frog
ตัวละครเจ้าชายนาวีน มีการระบุอย่างชัดเจนว่าเขาเป็นเจ้าชายจากประเทศมัลโดเนีย ซึ่งเป็นประเทศที่ถูกสมมติขึ้นเท่านั้น
4. Destino
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ JOnas3MokaQ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
Destino เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดสั้นที่ วอลท์ ดิสนีย์ ปล่อยออกมาในปี 2546 และเชื่อหรือไม่ว่าแอนิเมชั่นเรื่องนี้ใช้เวลาในการผลิตนานถึงหลายสิบปีเลยทีเดียว โดยมีจุดเริ่มจากการเป็นโปรเจคท์ร่วมระหว่าง วอลท์ ดิสนีย์ และ ซัลวาดอร์ ดาลี จิตรกรแนวเหนือจริงชาวเสปน ตั้งแต่ปี 2598 และนี่คงเป็นอีกที่มาอย่างหนึ่งความสวยงามแบบแปลก ๆ ของแอนิเมชั่นเรื่องนี้นั่นเอง
5. Big Hero 6
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก marvel.com
สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นรายการต่อไปที่จะเข้าฉายในปี 2557 นี้ ก็คือเรื่อง Big Hero 6 ซึ่งเป็นการ์ตูนมาร์เวลเรื่องแรกที่จะได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์แอนเมชั่นโดย วอลท์ ดิสนีย์ มีฉากหลังของเรื่องเป็นเมืองสมมติชื่อ ซานฟรานโซเกียว อันเป็นการผสมผสานระหว่างโตเกียวและซานฟรานซิสโก
6. Sleeping Beauty, Cindrella
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Sleeping Beauty, เฟซบุ๊ก Cindrella
รู้หรือไม่ว่า แม่มดมาเลฟิเซนท์ แห่ง Sleeping Beauty นั้นได้รับการพากย์เสียงโดย เอเลเนอร์ ออดลีย์ (Eleanor Audley) และนอกจากนี้ เอเลเนอร์ ออดลีย์ ก็ยังพากย์เป็นคุณหญิงเทรเมน แม่เลี้ยงใจร้ายของซินเดอเรลลา ใน Cindrella ด้วยเช่นกัน
7. The Lion King
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก The Lion King
คิดว่าหลายคนน่าจะพอทราบอยู่แล้วหรือเปล่า ว่าชื่อ "ซิมบ้า" พระเอกของเรื่องนั้น มีความหมายว่า "สิงโต" ในภาษาสวาฮิลี
8. Aladdin
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Aladdin
เดิมทีพ่อค้าหาบเร่ใน Aladdin จะได้รับการเปิดเผยในตอนจบของเรื่องว่าที่แท้เขา ก็คือยักษ์จินนี่นั่นเอง และนั่นทำให้ตัวละครทั้ง 2 ตัวนี้มีเสียงพากย์ของ โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams) เหมือนกัน ทั้งยังมีการออกแบบตัวละครให้มีลักษณะคล้ายกันด้วย โดยเฉพาะส่วนของคิ้ว หนวด และมือที่มีนิ้วเพียง 4 นิ้ว
9. Beauty and the Beast
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Beauty and the Beast
เกลน คีแอน (Glen Keane) วัย 30 ปี นักสร้างแอนิเมชั่นของ วอลท์ ดิสนีย์ ได้ทำการผสมผสานสัตว์ประหลาดของ Beauty and the Beast ด้วยตัวของเขาเอง ด้วยการนำแผงคอของสิงโต โครงสร้างเคราและหัวของควาย งาและสันจมูกของหมูป่า คิ้วของกอริลลา ขาและหางของหมาป่า รวมทั้งร่างกายอันใหญ่โตของหมี มาผสมรวมกัน
อีกทั้ง เกลน คีแอน ยังเพิ่งจะเผยข้อมูลอีกอย่างในการสัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้ด้วยว่า จริง ๆ แล้วสัตว์ประหลาดของเรานั้นยังกินสายรุ้งด้วย แต่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจาก เบลล์
10. The Little Mermaid
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก The Little Mermaid, imgur.com
The Little Mermaid เป็นแอนิเมชั่นเรื่องสุดท้ายของดิสนีย์ที่ใช้การวาดภาพด้วยมือ ถ่ายภาพด้วยกล้อง และตัดต่อแบบอนาล็อก โดยมีการลงสีที่แตกต่างกันถึง 1,000 เฉดสี บนฉากหลัง 1,100 ฉาก และมีภาพวาดด้วยมือมากกว่าล้านแผ่น สำหรับการดีไซน์ตัวละครและลักษณะนิสัยของ เออร์ซูล่า นั้นผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมากจากนักแสดงหญิงผู้ใช้มี ชื่อว่า ดีไวน์ (Devine) ส่วนสำหรับคาแรคเตอร์ของ เอเรียล นั้นได้รับการออกแบบโดย เกลน คีแอน (Glen Keane) ที่ยืนยันว่าเขาวาดภาพชีวิตของเอเรียลจากความรู้สึกถึงอารมณ์ที่เชื่อมโยงกันกับคาแรคเตอร์หลังจากได้ยินเพลง "Part of your World" นอกจากนี้ ดีไซน์ตัวละครของเธอยังมีต้นแบบมาจาก ลินดา ภรรยาของเขาอีกด้วย
และเชื่อหรือไม่ว่าฉากที่แอเรียลว่ายน้ำทะลุไปยังไปยังเส้นขอบฟ้าเหนือถ้ำของเธอนั้น ก็คือฉากสุดท้ายที่เสร็จสมบูรณ์ของแอนิเมชั่นเรื่องนี้ ที่ทีมงานต้องใช้ความพยายามถึง 4 ครั้งในการแก้แสงที่อยู่ในภาพ เพื่อให้มีการตกกระทบของแสงที่ถูกต้องสมจริง
