ความพิเศษอย่างหนึ่งของโลกแผ่นฟิล์มคือการทำหน้าที่เป็นหลักหมุดแห่งกาลเวลา ที่คอยบันทึกเรื่องราวความประทับใจ ตื่นเต้น น่าสะพรึงกลัว หรือแม้กระทั่งรอยน้ำตา เอาไว้ให้คนทุกยุคทุกสมัยได้แบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน โดยความสนุกสนานเหลานั้นถูกส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นความอมตะเหนือกาลเวลา ที่ไม่ว่าจะย้อนกลับมาดูเมื่อใดก็สร้างความประทับใจได้ทุกครั้ง ในวันนี้กระปุกดอทคอมขอหยิบยกหนังดังแห่งความทรงจำตลอดระยะเวลา 30 ปีที่เข้าฉายตั้งแต่ปี 1984 จนถึงปัจจบัน (2014) มาย้อนรอยให้ได้ดูกันสักหน่อย แล้วคุณจะรู้ว่าถึงแม้เวลาจะผ่านมานานสักเท่าใด แต่หนังหลายเรื่องก็ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
ภาพประกอบจาก wikipedia.org
เนื้อเรื่องกล่าวถึงปี 2029 อันมืดหม่น ที่กฏต่าง ๆ บนโลกถูกบังคับใช้อย่างรัดกุม เพื่อสร้างอนาคตใหม่จากการเปลี่ยนแปลงอดีต โดยกฏเหล่านั้นต้องไม่ทำให้เกิดความสูญเสีย, ความเจ็บปวด หรือความหวาดกลัวใด ๆ จนกระทั่งบางสิ่งที่ยากจะหยุดยั้งได้เกิดขึ้น สิ่งนั้นคือ The Terminator เครื่องจักรสังหารที่ถูกส่งมาจากอนาคตมายังปี 1984 เพื่อกำจัดหญิงสาวที่กำลังจะให้กำเนิดบุตรชาย ผู้ซึ่งอาจทำให้เกิดการลุกฮือของเหล่ามนุษย์ต่อต้านเครื่องจักรกล
หนังเรื่องนี้ได้สร้างภาพจำให้แก่นักแสดงนำอย่าง อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) ในฐานะคนเหล็กผู้แข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งในตัวร้ายในหนังไซไฟที่น่าจดจำที่สุดตลอดกาล โดยทำรายได้ไปกว่า 38.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ถูกสร้างเป็นภาคต่อมาแล้วถึง 4 ครั้ง และเร็ว ๆ นี้ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ กำลังจะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งในภาคที่ 5 ของหนังตำนานเรื่องนี้ที่มีชื่อว่า Terminator: Genesis ที่จะออกฉายในเดือนกรกฏาคม ปี 2015 ซึ่งในภาคนี้ไม่ใช่หนังรีบู๊ท แต่จะเป็นการสร้างเรื่องราวขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
ภาพประกอบจาก img651.imageshack.us
หลังจากชวดโอกาสได้รับเงินทุนสำหรับทำวิจัยจากมหาวิทยาลัยท้องถิ่นแห่งเมืองนิวยอร์ก สามผู้เชี่ยวชาญด้านปรจิตวิทยาผู้บ้าบิ่นได้คิดค้นวิธีที่จะจับภูตผีและวิญญาณ รวมถึงก่อตั้งบริษัทกำจัดผีขึ้นใจกลางย่านดาวน์ทาวน์ แต่ถึงแม้จะผิดหลักความปลอดภัยด้านสาธารณสุข บริษัทของพวกเขาก็ยังได้รับมอบหมายให้ปราบปรามเหล่าปีศาจร้ายที่หลุดออกมาจากอีกมิติหนึ่ง
โดย Ghostbusters ภาคแรกทำรายได้กว่า 238.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และถูกสร้างเป็นภาคต่อหนึ่งครั้งในปี 1989 และกำลังจะมีภาคที่ 3 ออกมาในอีกไม่นาน โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาบท ในส่วนของทีมนักแสดงได้รับการยืนยันแล้วว่า บิล เมอร์เรย์ (Bill Murray) จะไม่กลับมาในภาคนี้แต่อย่างใด ส่วน เอ็มม่า สโตน (Emma Stone) ที่ได้รับการทาบทามก็ได้ปฏิเสธไปเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ยังมี โจนาห์ ฮิล (Jonah Hill) ที่กำลังตัดสินใจอยู่อีกด้วย
ภาพประกอบจาก lucien0maverick.files.wordpress.com
นี่คือหนังที่เต็มไปด้วยความน่ารัก ซุกซน เฉลียวฉลาด และแฝงไปด้วยอันตราย เล่าเรื่องราวของนักประดิษฐ์ที่ซื้อเจ้าหนูประหลาดมาจากไชน่าทาวน์ เพื่อเป็นของขวัญวันคริสมาสต์มาให้ลูกชายของตน โดยหารู้ไม่ว่า เจ้าหนูตัวนั้นมีภูติจิ๋วจอมซนซ่อนอยู่ภายใน และมันมีแผนที่จะครอบครองทั้งเมืองเป็นของตัวเอง จึงเป็นหน้าที่ของเขาและแฟนสาวที่ต้องพิทักษ์เมืองและเทศกาลคริสมาสต์ให้พ้นจากการทำลายล้างให้ได้
ตัวหนังทำรายได้ทั้งหมด 153 ล้านเหรียญสหรัฐ จนนำมาสู่การสร้างภาคต่อในชื่อ Gremlins 2: The New Batch ในปี 1990 แต่ก็ไม่เป็นที่จดจำเท่ากับภาคแรก ส่วนโครงการภาคต่อในอนาคต ทางวอร์เนอร์ บราเธอร์ อาจจะทำออกมาในรูปแบบภาคต่อ รีบู๊ท หรืออาจเล่าเรื่องย้อนกลับไปยังจุดกำเนิดของเรื่องก็ได้ โดยในขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนแต่อย่างใด
ภาพประกอบจาก upload.wikimedia.org
ปรมาจารย์ด้านคาราเต้ได้รับลูกศิษย์ใหม่ที่ชื่อว่า แดเนียล (Daniel) เข้ามาเพื่อเรียนรู้ความสวยงามของศิลปะกังฟู เมื่อได้รับความรู้และพลังในการแตะอันสุดยอดแล้ว แดเนียลได้เข้าร่วมการแข่งขันคาราเต้ระดับท้องถิ่น จนทำให้กลุ่มอันธพาลทนเห็นเขาเก่งเกินหน้าไม่ได้ในที่สุด
หนังเรื่องนี้โกยรายได้ทั้งหมด 90.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมาถูกนำมาสร้างต่อในรูปแบบรายการโทรทัศน์ และถูกรีบู๊ทครั้งล่าสุดไปเมื่อปี 2010 นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะสร้างภาคต่อในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย โดยเดิมที The Karate Kid 2 มีแผนออกฉายในปี 2013 แต่ด้วยปัญหาบางอย่างทำให้บทไม่มีความคืบหน้า ส่วนนักแสดงคนเดิมอย่าง เจเดน สมิธ (Jaden Smith) ก็ได้สร้างความกังวลให้กับทีมผู้สร้างว่าเขาอาจจะโตไวกว่ากำหนดการถ่ายทำภาคต่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้กลับมารับบทในภาคต่อนี้แต่อย่างใด
ภาพประกอบจาก upload.wikimedia.org
นักโบราณคดีอย่าง Indiana Jones เริ่มต้นการผจญภัยอีกครั้งในประเทศอินเดีย โดยในคราวนี้เขาได้รับการร้องขอจากหมู่บ้านต้องคำสาปให้ช่วยตามหาก้อนหินลึกลับ และนำมันกลับไปยังสถานที่ที่ถูกต้อง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปมปริศนา ที่แผงไปด้วยความน่ากลัวในบรรยากาศของสุสานโบราณ
Indiana Jones ทำรายได้ทั้งสิ้น 179.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะมีข่าวดีออกมา เมื่อทางดิสนีย์ประกาศแผนการสร้างภาคที่ 5 ของหนังผจญภัยชุดนี้ ซึ่งดิสนีย์ก็ได้ลิขสิทธิ์มาครอบครองเป็นที่เรียบร้อยและกำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมงาน ที่พิเศษที่สุดคือ นักแสดงนำคนเดิมวัย 71 ปีอย่าง แฮริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) จะกลับมาร่วมแสดงอีกครั้งหนึ่งด้วย
ภาพประกอบจาก 3.bp.blogspot.com
Sixteen Candles คือหนังแนว Coming of age หรือหนังที่เล่าเรื่องราวในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต มีตัวละครหลักคือเป็นสาวน้อยวัยรุ่น ที่จู่ ๆ คนรอบข้างกลับลืมวันเกิดของเธอไปเสียอย่างนั้น เธอจึงใช้เวลาที่เหลือในคืนนั้นไปกับการเต้นในงานปาร์ตี้ที่โรงเรียน แต่สิ่งที่เธอต้องพบคือเรื่องน่าอับอายครั้งใหญ่ในชีวิต อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ทำให้เธอได้จุมพิตกับหนุ่มในดวงใจ กลายเป็นเรื่องราวอันน่าจดจำในคืนวันเกิดที่จะอยู่ในใจเธอไปอีกนานแสนนาน
หนังน่ารักวัยใสเรื่องนี้กวาดรายได้ไปทั้งสิ้น 23.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และไม่มีการสร้างภาคต่อตามมาแต่อย่างใด มีเพียงหนังในแนวเดียวกันที่ชื่อว่า The Breakfast Club, Weird Science และ Ferris Bueller\'s Day Off ถูกสร้างออกมาเท่านั้น
ภาพประกอบจาก upload.wikimedia.org
เหตุการณ์ประหลาดเริ่มต้นเมื่อวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งต่างฝันถึงฆาตกรเด็กที่ชื่อว่า เฟรดดี้ คูเกอร์ ในเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งที่ไม่ปกติได้เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพบว่าฆาตกรในฝันกลับมีตัวตนขึ้นมาจริง ๆ และทุกคนที่ฝันถึงฆาตกรคนนี้ได้ถูกฆ่าตายไปทีละคนอย่างช้า ๆ คนที่ยังมีชีวิตรอดจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งฆาตกรเด็กตนนี้ให้ได้
ทันทีที่ออกฉาย หนังสยองขวัญสุดคลาสสิกเรื่องนี้ทำรายได้รวม 25.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และด้วยคาแร็คเตอร์อันโดดเด่นของฆาตกรเด็ก เฟรดดี้ คูเกอร์ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในตัวละครสยองขวัญที่ได้รับการจดจำมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น ความฮิตของหนังเรื่องนี้ยังส่งผลให้มีการสร้างภาคต่อตามมาถึง 7 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1984-1994 ส่วนในปี 2003 เขาก็มีหนังเดี่ยวของตัวเองที่ชื่อว่า Freddy vs. Jason และล่าสุดในปี 2010 ก็ได้มีการนำหนังเรื่องนี้กลับมาสร้างใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ภาพประกอบจาก imfdb.org
ถือเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ด้านรายได้เลยทีเดียวสำหรับ Beverly Hills Cop ที่ทำรายได้สูงถึง 234.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนหนึ่งของความสำเร็จดังกล่าวมาจากบทบาทของ เอ็ดดี เมอร์ฟี่ (Eddie Murphy) ในคราบของตำรวจดีทรอยด์ ที่ตามสืบฆาตกรผู้ปลิดชีพเพื่อนสนิทของเขาในย่าน Beverly Hills อันโด่งดัง ทำให้เขาต้องทำงานภายใต้ความขัดแย้งกับตำรวจท้องที่ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงที่จะไขปริศนาทั้งหมด
แน่นอนว่าเมื่อประสบความสำเร็จด้านรายได้ขนาดนี้ ย่อมมีการสร้างภาคต่อตามมาอย่างแน่นอน โดยใน Beverly Hills Cop 2 และ Beverly Hills Cop 3 ยังคงได้ เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ กลับมารับบทตำรวจ Axel Foley เหมือนเช่นเคย รวมถึง Beverly Hills Cop ที่ออกฉายทางช่อง CBS ด้วยเช่นกัน แต่เวอร์ชั่นที่ออกฉายทางโทรทัศน์ดำเนินไปได้ไม่กี่ตอนเท่านั้น เนื่องจากทางผู้สร้างเห็นว่าควรจะขยายเป็นหนัง Beverly Hills Cop 4 มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม Beverly Hills Cop เวอร์ชั่นทีวีซีรีส์ก็จะเตรียมกลับมาอีกครั้ง โดยจะเน้นไปที่เรื่องราวของ Aaron Foley บุตรชายของตำรวจคนดัง ที่พยายามสลัดภาพความเป็นตำรวจที่เก่งกาจของพ่อออกไปจากตัวเขา
ภาพประกอบจาก static.comicvine.com
เรื่องราวความตลกขบขันเริ่มต้นขึ้น เมื่อกองกำลังตำรวจเริ่มขาดแคลน จนเกิดความวุ่นวายขึ้นอย่างมาก โรงเรียนฝึกตำรวจจึงมีนโยบายเปิดรับคนภายนอกเข้ามาเป็นจำนวนมากโดยไม่มีการจำกัดคุณสมบัติ ผลที่ได้คือความเพี้ยนของบรรดาตำรวจใหม่ที่ดูเหมือนจะพึ่งพาอะไรไม่ได้ แถมยังกลายเป็นตัวตลกของชาวเมืองไปอีกต่างหาก
Police Academy ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 81.1 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกผลิตซ้ำมากที่สุดใน ยุค 80-90 โดยถูกนำมาเล่าซ้ำถึง 7 ครั้ง ทั้งในรูปแบบหนัง ทีวีซีรีส์ รวมถึงแอนิเมชั่น และก็มีข่าวลือออกมาด้วยว่า วอร์เนอร์ บราเธอร์ สนใจที่จะนำหนังเรื่องนี้มาสร้างใหม่ด้วยเช่นกัน
ภาพประกอบจาก 1.bp.blogspot.com
The NeverEnding Story เล่าเรื่องราวของเด็กชายที่หลีกหนีความเจ็บปวดในโรงเรียน จนนำตัวเองเข้าไปสู่โลกเหนือจินตนาการที่เขาพบว่ามันถูกซ่อนอยู่ในหนังสือเล่มเก่า ณ โลกแห่งนั้น เขาได้กลายเป็นฮีโร่ของอาณาจักรสุดอัศจรรย์ดังกล่าวไปโดยปริยาย
สำหรับเรื่องรายได้ หนังเรื่องนี้สามารถกวาดรายได้ไปกว่า 20.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีภาคต่อตามมาอีก 3 ครั้ง ได้แก่ The NeverEnding Story II: The Next Chapter ในปี 1991 และ The NeverEnding Story III ในปี 1994 อีกทั้งยังมีการผลิตออกมาในรูปแบบ แอนิเมชั่นซีรีส์ ในปี 1996 นอกจากนี้ เมื่อปี 2009 วอร์เนอร์ บราเธอร์ได้ประกาศแผนการรีบู๊ทหนังเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่โปรเจคท์ดังกล่าวก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าจนถึงปัจจุบัน
ภาพประกอบจาก imagenes.subadictos.net
เมื่อกลุ่มคนที่ถูกหัวเราะ รังแก และถูกตราหน้าว่าไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมมารวมตัวกัน ความสนุกจึงเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้แค้นสิ่งในที่คนเหล่านั้นทำอย่างสาสม
หลังจากออกฉาย หนังเรื่องนี้ถือว่าประสบความสำเร็จด้านการตอบรับจากผู้ชม พิสูจน์ด้วยรายได้ที่กวาดไปกว่า 40.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการสร้างภาคต่อตามมาอีกหลายครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อปี 1987 ซึ่งใช้ชื่อว่า Revenge of the Nerds II: Nerds in Paradise ส่วนในอีกสองครั้งต่อมาเป็นการทำออกฉายทางโทรทัศน์ ได้แก่ Revenge of the Nerds III: The Next Generation ในปี 1992 และ Revenge of the Nerds IV: Nerds In Love ในปี 1994 นอกจากนี้ ยังมีการผลิตออกมาในรูปแบบของทีวีซีรีส์ในปี 1991 แต่ก็ออกฉายได้ไม่กี่ตอนเท่านั้น เนื่องจากได้รับเสียงวิจารณ์ด้านลบจากผู้ชมเป็นจำนวนมาก
ภาพประกอบจาก blog.stocktwits.com, cdn.frontpagemag.com
หนังเรื่องนี้จำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันเพื่อปกป้องเมืองเล็ก ๆ และประเทศของเขาให้ปลอดภัยจากการรุกรานของสหภาพโซเวียต และประเทศศัตรูอื่น ๆ หนังเรื่องนี้กวาดรายได้อยู่ที่ 38.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และไม่มีการสร้างภาคต่อแต่อย่างใด จนกระทั่งในปี 2012 ได้มีการนำหนังเรื่องนี้มาสร้างใหม่ แต่ดูเหมือนว่าเวอร์ชั่นใหม่ของ Red Dawn จะสร้างความผิดหวังให้กับแฟนหนังต้นฉบับและผู้ชมรายใหม่อยู่ไม่น้อย จึงคาดเดาได้ไม่ยากว่า เราอาจไม่ได้เห็นภาคต่อของหนังเรื่องนี้ออกมาอีกอย่างแน่นอน
ภาพประกอบจาก criticsden.com
หลังจากที่ถูกหามส่งโรงพยาบาลในช่วงท้ายของภาคที่แล้ว ฆาตกรเลือดเย็น เจสัน วอร์ฮีส์ กลับมาอีกครั้งในภาคนี้เพื่อแก้แค้นใครก็ตามที่ทำร้ายเขา โดยเขามุ่งหน้าไปยังแคมป์ริมทะเสสาป ซึ่งเป็นสถานที่ที่กลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมกันเป็นจำนวนมาก แต่การไล่ฆ่าในครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่กลุ่มวัยรุ่นเท่านั้น ยังมีอีกหนึ่งครอบครัวที่กำลังตกเป็นเป้าของฆาตกรสุดโหดอย่างไม่รู้ตัว
ซีรีย์หนัง Friday The 13 ในภาคนี้ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 32.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการสร้างภาคต่อตามมาถึง 8 ครั้ง รวมถึง 2 ภาคล่าสุดที่ออกฉายไปเมื่อปี 2009 ในชื่อว่า Friday the 13th และในเร็ว ๆ นี้ค่าย พาราเม้าท์ พิกเจอร์ ก็เตรียมนำตำนานความสยองขวัญเรื่องนี้กลับมารีเมคอีกครั้ง โดยมีแผนเข้าฉายในปี 2018
ภาพประกอบจาก semptoshiba.com
เมื่อการเต้นกลายเป็นชีวิตและหัวใจ เด็กหนุ่มจากเมืองใหญ่ที่ต้องย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่การเต้นเป็นสิ่งต้องห้าม จึงต้องทำทุกวิธีทางที่จะทำให้ความครื้นเครงกลับมามาสู่ชีวิตวัยเยาว์ของเขาอีกครั้ง โดยมีภารกิจสำคัญคือการผ่านด่านนักเทศน์ผู้เคร่งครัด การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่คนใหม่ของโรงเรียน และนำพาให้เขาได้พบกับเพื่อนสนิทและคนรู้ใจ ซึ่งบังเอิญเป็นลูกสาวของนักเทศน์จอมโหดเสียอย่างนั้น ส่วนตัวหนังก็ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยการกวาดรายได้ไปถึง 80 ล้านเหรียญสหรัฐ และก็มีข่าวแว่ว ๆ ออกมาว่าจะมีการนำหนังเรื่องนี้มารีบู๊ทใหม่อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ด้วย
This is Spinal Tap คือหนังที่เป็นต้นแบบในการนำเสนอความเป็นจริงได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมีการเล่าเรื่องในรูปแบบสารคดีสุดเพี้ยน ที่ติดตามการแสดงของวงดนตรีร็อคสัญชาติอังกฤษ ในขณะที่พวกเขาไปเปิดการแสดงในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก
และด้วยรายได้ที่ทำไปได้เพียง 4 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงทำให้ไม่มีการสร้างตามมาแต่อย่างใด จะมีก็เพียงแต่การผลิตอัลบั้มและมิวสิควิดีโอของวงดนตรีออกจำหน่าย โดยผลงานล่าสุดปล่อยออกมาเมื่อปี 2009 และยังมีหนังฉลองครบรอบ 25 ปีการก่อตั้งวงออกมาในปีเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีบันทึกการแสดงสดของวงดนตรีที่ชื่อว่า The Return of Spinal Tap ออกมาในรูปแบบวีดิโอ VHS รวมถึงไปปรากฏตัวในทีวีซีส์เรื่องดังอย่าง The Simpsons อีกด้วย
ภาพประกอบจาก d2nh4f9cbhlobh.cloudfront.net
ทอม แฮงค์ กลับมาอีกครั้งในบทของ อัลเลน เบลอ ชายผู้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอเป็นใครกันแน่ ทั้งสองพบกันครั้งแรกเมื่อหญิงสาวช่วยชีวิตอัลเลนเอาไว้เมื่อครั้งยังเด็ก จนกระทั่งเขาทั้งสองกลับมาพบกันอีกครั้งในอีกหลายปีถัดมา โดยเป็นความจริงที่อยู่เบื้องหลัง คือหญิงสาวคนนั้นเป็นนางเงือกนั่นเอง
ด้วยรายได้ที่สูงถึง 69.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงไม่ต้องอธิบายเลยว่าหนังเรื่องนี้ได้รับความนิยมมากแต่ไหน แต่เชื่อหรือไม่ว่าได้มีการสร้างภาคต่อมาแล้ว 1 ครั้ง ในปี 1988 แต่ไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร เนื่องจากใช้นักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงมารับบทนำ อีกทั้งยังนำออกฉายทางโทรทัศน์อีกต่างหาก ภาคต่อดังกล่าวจึงไม่ถือว่าประสบความสำเร็จ
ภาพประกอบจาก images.amazon.com
หนังสยองขวัญเรื่องนี้เป็นที่กล่าวขานมานานกว่า 30 ปี ความน่าสะพรึงกลัวเริ่มต้นจากการที่คู่รักวัยเยาว์ได้หลงเข้าไปในหมู่บ้านลึกลับแห่งหนึ่งที่พวกเขามีความเชื่อว่า ใครก็ตามที่มีอายุเกิน 18 ปีจะต้องถูกกำจัดทิ้ง โดยหนังเรื่องนี้ดัดแปลงจากเรื่องสั้นสุดฮิตของ สตีเฟ่น คิง (Stephen King) แต่อย่างไรก็ตาม ตัวหนังก็ไม่ประสบความสำเร็จด้านคำชมในฐานะที่เป็นหนังดัดแปลงมากเท่าที่ควร
Children of the Corn ทำรายได้จากการฉายไปทั้งสิ้น 14.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และดูเหมือนว่าหนังสยองขวัญเรื่องนี้จะได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะหลังจากนั้นได้มีการสร้างภาคต่อออกมาในรูปแบบของ ภาพยนตร์ ทีวีซีรีส์ และวีดิโอ ตามมาถึง 9 ครั้ง และก็ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีการนำโปรเจคท์นี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งก็เป็นได้
ภาพประกอบจาก technofile.com
หนังเรื่องนี้สร้างจากนวนิยายรักโรแมนติกชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องราวของ โจน ไวด์เดอร์ นักเขียนผู้ได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวให้นำลายแทงสมบัติไปให้ยังกลางป่าลึก ไม่เช่นนั้นพี่สาวเธอจะถูกฆ่าทิ้ง การผจญภัยของไวด์เดอร์ดำเนินไปด้วยความตื่นเต้นปนโรแมนติก เมื่อเธอพบกับ แจ็ค คอลตัน ทหารหนุ่มที่ตัดสินใจออกเดินทางเพื่อเติมรสชาติให้กับชีวิต ทั้งสองคนต้องฝ่าฟันอุปสรรค์มากมาย รวมถึงหลบหนีการตามล่าจากเหล่าวายร้ายอีกด้วย หนังเรื่องนี้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมด้วยการทำรายได้ถึง 76.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และไม่มีการสร้างภาคต่อตามมาแต่อย่างใด
ภาพประกอบจาก 1.bp.blogspot.com
ความสนุกเริ่มต้นขึ้นเมื่อกัปตันเคิร์กและลูกทีม วางแผนขโมยยานเอ็นเตอร์ไพร์สเพื่อนำไปช่วยสป็อคที่หายตัวไปในภาคก่อนหน้า โดยมีชีวิตและหน้าที่การงานของพวกเขาเป็นเดิมพัน กัปตันเคิร์กต้องนำลูกทีมทั้งหมดกลับไปยังดาว Genesis สถานที่ที่พวกเขาเชื่อว่าสป็อคหายตัวไปอยู่ในนั้น
ในภาคนี้ถือเป็นภาคที่ 3 จากทั้งหมด 6 ภาค ที่นักแสดงชุดดั้งเดิมกลับมารวมตัวกันอย่างครบทีม ส่งผลให้ Star Trek ในภาคนี้กวาดรายได้ไปทั้งสิ้น 76.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้มีการรีบู๊ทโปรเจคท์นี้ตามมาอีกหลายครั้ง รวมถึงโปรเจคท์ล่าสุดที่จะออกฉายในปี 2016 ซึ่งมีข่าวลือว่า เจเจ อับราฮัม จะเข้ามารับหน้าที่กำกับการแสดง หลังจากที่เขาเคยรับหน้าที่นี้มาแล้วใน Star Trek เวอร์ชั่นปี 2009 และ 2013
ภาพประกอบจาก plajazz.com
สำหรับใครที่เป็นแฟนของนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง ทอม แฮงค์ (Tom Hanks) ล่ะก็ ไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่ถือเป็นผลงานหนังแนวตลกที่สร้างชื่อในยุคแรก ๆ ของเขาเลยทีเดียว ตัวหนังกล่าวถึงเรื่องราวปาร์ตี้สละโสดของบรรดาหนุ่ม ๆ ที่ดำเนินไปอย่างไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
โดยหลังจากที่ทำรายได้ไป 38.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2008 ฟ็อกซ์ สตูดิโอ ก็ได้สร้างภาคต่อออกมาในรูปแบบของดีวีดีโดยใช้ชื่อว่า Bachelor Party 2 : The Last Temptation ซึ่งแท้จริงแล้วเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับภาคก่อนแต่อย่างใด
ภาพประกอบจาก feelnumb.com
Purple Rain มีตัวละครหลักคือเด็กหนุ่มผู้มีความสามารถทางดนตรี เขาเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทางนักดนตรีมืออาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย จนค้นพบว่าความสามารถอาจไม่ใช่สิ่งเดียวสู่การประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องเผชิญกับอุปสรรคอื่น ๆ ทั้งปัญหาส่วนตัวของพ่อ และนักร้องคู่ใจที่หนีไปร่วมงานกับคนอื่น
หนังเรื่องนี้สามารถโกยได้ทั้งสิ้น 68.3 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเมื่อปี 1986 มีหนังชื่อว่า Companion ที่มีเรื่องราวคล้ายกับ Purple Rain ถูกปล่อยออกมา ซึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นภาคต่อของหนังเรื่องนี้เสียทีเดียว
ภาพประกอบจาก pics.filmaffinity.com
นี่คือหนังชีวประวัติของนักแต่งเพลงชื่อก้องโลกอย่าง อันโตนีโอ ซาลิเอรี (Antonio Salieri) ผู้ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระเจ้าถึงประทานพรสวรรค์มาให้กับ โมซาร์ท (Mozart) มากนัก จนเกิดเป็นความอิจฉาริษยาและการเอาชนะในที่สุด โดยหนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องในปี 1984 ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่โดยเฉพาะ และดูเหมือนว่าผู้ชมจะให้การตอบรับที่ดีเสียด้วย เห็นได้จากตัวเลขรายได้ที่สูงถึง 51.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพประกอบจาก sffaudio.com
การต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในโลกแห่งอนาคตเริ่มต้นขึ้น เมื่อผู้นำกองทัพนักรบทะเลทราย ผู้สูญเสียพ่อและคนในครอบครัวไปกับสงคราม ได้ลุกขึ้นต่อกรกับอาณาจักรของเหล่าวายร้ายที่หวังยึดครองผลประโยชน์จากดาวดวงนี้ เรื่องราวเหนือจินตนาการเหล่านี้ได้ทำให้ผู้ชมหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการอย่างคาดไม่ถึง โดยหนังแนวไซไฟเรื่องนี้สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกัน ที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถถ่ายทอดเรื่องราวภายใต้แนวคิดทางปรัชญาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
Dune ทำรายได้ไปกว่า 30.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และด้วยความคลาสสิกแบบที่หาใครเปรียบไม่ได้ ทำให้ยังไม่มีการสร้างภาคต่อมาจนถึงปัจจุบัน มีเพียงแค่การดัดแปลงออกมาในรูปแบบของ มินิ ซีรีส์ ออกมาในช่วงต้นยุคปี 2000 แต่อย่างไรก็ตาม ในเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะมีสารคดีเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ปล่อยออกมาให้ได้ชมกัน
ภาพประกอบจาก firsthour.net
จะมีสักกี่คนกันเล่าที่จะทำความฝันของตัวให้กลายเป็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อคนหมู่มากได้ และหนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มผู้หลงไหลในการเล่นวีดิโอเกมส์ ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมกับหน่วยป้องกันเอเลี่ยนอันเนื่องมาจากทักษะการยิงปืนของเขา โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยกอบกู้จักรวาลจากการบุกรุกของผู้ไม่หวังดีจากต่างดาว
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นเรื่องแปลกที่หนังเรื่องนี้มีพล๊อตเรื่องที่น่าสนใจ และทำรายได้ถึง 28.7 ล้านเหรียญสหรัฐ กลับไม่มีการสร้างภาคต่อใด ๆ ตามมาหลังจากนั้น แต่แล้วเมื่อปี 2008 ก็มีข่าวว่าจะมีการสร้างภาคต่อของหนังเรื่องนี้ในที่สุด ซึ่งความคืบหน้าของโปรเจคท์ดังกล่าวก็ยังคงเงียบหายไปกับสายลมจนถึงปัจจุบัน
ภาพประกอบจาก filmfanatic.org
ในการทดลองเรื่องการสลับร่างได้เกิดความผิดพลาด และทำให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อทนายความสาวอนาคตไกลต้องมาสลับร่างกับเศรษฐีพันล้านผู้น่ารังเกียจ เรื่องราวความวุ่นวายระหว่างเขาทั้งสองจึงเริ่มต้น
ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้น่าจะวัดได้จากตัวเลขรายได้ที่สูงถึง 36.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และสำหรับใครที่เป็นแฟนของหนังเรื่องนี้ก็เตรียมเฮกันได้เลย เพราะ All of Me กำลังจะมีภาคต่อออกมาให้เราได้ชมกันในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งกระบวนการเตรียมงานทั้งหมดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2012 โดยอาจมี สตีฟ มาร์ติน (Steve Martin) กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง ส่วนบทของทนายความสาวที่รับบทโดย ควีน ลาติฟา (Queen Latifah) นั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเธอจะกลับมารับบทเดิมอีกหรือไม่
ภาพประกอบจาก gauravmishra.files.wordpress.com
ความทรงจำอันเลวร้ายของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา ถูกนำมาถ่ายทอดในภาพยนตร์แนวดราม่าเรื่องนี้ โดยเล่าเรื่องผ่านนักข่าวของหนังสือพิมพ์ นิวยอร์ก ไทม์ ที่รับมอบหมายให้มาติดตามเหตุสงครามกลางเมืองในกัมพูชา และเมื่อมาถึง เขาก็ได้พบกับผู้ช่วยชาวท้องถิ่นที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ชวนอึดอัดเช่นเดียวกับชาวกัมพูชาคนอื่น ๆ แต่แล้วเรื่องทั้งหมดก็เริ่มอันตรายมากขึ้น เมื่อเขาต้องช่วยเหลือลูกและภรรยาของผู้ช่วยในการหลบหนีออกจากประเทศที่กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงนี้ให้ได้ โดยมีชีวิตของเขาและคนอื่น ๆ เป็นเดิมพัน
ทั้งนี้ The Killing Fields ทำรายได้จากการออกฉายได้ทั้งสิ้น 34.7 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยหนังเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าชิ้นหนึ่งของฮอลลีวูด และถือเป็นเรื่องราวที่จะอยู่ในความทรงจำของผู้ชมไปอีกตราบนานแสนนาน
ภาพประกอบจาก fangoria.com
ใครจะไปคิดว่าคุณลุงใจดีอย่าง ซานต้า ครอส ก็มีมุมโหดกับเขาด้วยเหมือนกัน หนังเรื่อง Silent Night, Deadly Night เลือกที่จะเล่าเรื่องในมุมนี้ของซานต้า ผ่านมุมมองเด็กหนุ่มผู้เชื่อว่าซานต้าจะออกมาลงโทษผู้ที่ทำบาป จนทำให้เขากลายเป็นคนหวาดระแวงเทศกาลคริสต์มาสไปเสียอย่างนั้น แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเขากลับลุกขึ้นมารับบทซานต้าผู้โหดเหี้ยมคนนั้นเสียเอง
ดีกรีความโหดของหนังเรื่องนี้ การันตีได้ด้วยการถูกห้ามฉายในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนด้านรายได้นั้น Silent Night, Deadly Night สามารถโกยเงินได้เพียง 2 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ก็มีภาคต่อตามมาอีก 5 ภาค และมีการนำกลับมารีเมคอีก 1 ครั้งในปี 2012 ด้วยเช่นกัน
ภาพประกอบจาก profratigan.files.wordpress.com
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวความเข้มข้นในช่วงที่เงินทองและชื่อเสียงเป็นของหวานสำหรับเจ้าพ่อขาใหญ่แห่ง The Cotton Club สถานที่ที่ชีวิตถูกซื้อขาย และเป็นจุดกำเนิดเรื่องราวอีกมากมายภายใต้ค่ำคืนแห่งความงดงามของเพลงแจ๊ส
ผู้กำกับชื่อดังอย่าง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า (Francis Ford Coppola) ตั้งใจให้หนังเรื่องนี้เดินเรื่องต่อจาก The Godfather และ The Godfather : Part 2 ซึ่งเขาเลือกใช้แนวทางการเล่าเรื่องแบบ ดราม่า-มิวซิเคิล และมีฉากหลังเป็นไนท์คลับที่สามารถถ่ายทอดความมืดหม่นของตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยทันที่ที่ออกฉาย หนังเรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนทำรายได้รวมทั้งสิ้น 25.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพประกอบจาก dorkshelf.com
นี่คือหนึ่งในหนังแนวร้องเล่นเต้นระบำที่คลาสสิกอีกเรื่องของฮอลลีวูด เล่าเรื่องราวของนักเต้นแนวแจ็สผู้ต่อสู้กับชะตาชีวิต จนได้พบกับสองนักเต้นเพลงป็อป และได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มนักเต้นที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดย Breakin\' ทำรายได้ทั้งหมด 38.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และในอีก 7 ปีให้หลังก็มีการสร้างภาคต่อที่มีชื่อว่า Breakin\' 2: Electric Boogaloo ออกมาสานต่อความมันส์ให้แฟน ๆ ชนิดที่ว่าไม่ให้หยุดหายใจกันเลยทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับการย้อนรอย 29 หนังดังสุดอมตะจากปี 1984 ที่เรานำมาฝากกัน เชื่อว่าหนึ่งในนั้นคงจะมีหนังในดวงใจของใครหลายคนรวมอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะ และถ้าหากคุณยังไม่เคยดูหนังเรื่องไหนในรายชื่อด้านบนมาก่อน เราขอแนะนำให้ไปหามาดูกันแบบด่วน ๆ เลย รับรองว่าคุณจะกลายเป็นหนึ่งในสาวกหนังเก่าในไม่ช้าอย่างแน่นอน
