ถูกใจทั้งคอหนังและคอเกม กับการรวมตัวกันที่สมบูรณ์ของหนังที่สร้างจากเกม ความสนุกสุดบันเทิงที่กระโดดจากจอยเกมออกมาสู่จอภาพยนตร์
หนังที่สร้างจากเกมมักได้รับความสนใจอยู่เสมอทั้งจากคอหนังและเหล่าเกมเมอร์ หรือแม้กระทั่งคนทั่วไปที่อยากจะเห็นเกมที่เรารักถูกสร้างออกมาเป็นหนังในรูปแบบไหน และการที่ใช้คนแสดงจริง ๆ จะเป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือไม่ ซึ่งหนังที่สร้างจากเกมนั้นก็มีทั้งประสบความสำเร็จโกยรายได้มหาศาล บ้างก็ล้มเหลว แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึง หนังสร้างจากเกมที่ยังคงโครงเรื่องหลักของเกมอยู่ แถมยังสามารถถ่ายทอดจุดเด่นของตัวเกมออกมาได้เป็นอย่างดี และยังทำเงินได้เป็นที่น่าพอใจ
1. Lara Croft: Tomb Raider (2001)
ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ผจญภัยที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงถึง 274.7 ล้านเหรียญสหรัฐ กับเรื่องราวของนักล่าสมบัติสาว ลาร่า คอร์ฟ ที่ค้นพบโบราณวัตถุสำคัญรวมถึงโบราณสถานและประวัติศาสตร์ที่หายไปบนเกาะลึกลับแห่งหนึ่ง หนังเรื่องนี้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งคอหนังและเหล่าเกมเมอร์ เพราะเนื้อหาที่ดำเนินไปตามเกมต้นฉบับ แถมนางเอกสาว แองเจลินา โจลี ก็สามารถถอดแบบตัวละครออกมาจากเกมได้เป็นอย่างดี ทั้งสีหน้า ท่าทาง โดยเฉพาะรูปลักษณ์ของเธอที่เหมือนคาแรกเตอร์ในเกมสุด ๆ ส่งผลให้มีการสร้างภาคต่อในปี 2003 กับ Lara Croft Tomb Raider: The Cradle of Life แต่ความนิยมของหนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะเบาลงแม้ว่าฉากแอ็คชั่นจะจัดเต็มมากกว่าในภาคแรกก็ตาม หนังจึงทำเงินไปได้เพียง 160 ล้านเหรียญสหรัฐ และแองเจลินา โจลี ก็โบกมือบ๊ายบายไม่ขอรับบท ลาร่า คอร์ฟ อีก และในปี 2018 หนังเรื่องนี้ก็ได้ถูกหยิบมารีเมกโดยได้นักแสดงสาว อลิเซีย วิกันเดอร์ มารับบท ลาร่า คอร์ฟ คนใหม่ หนังทำรายได้ไป 274.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนจะมีภาค 2 ตามมาหรือไม่นั้น คอหนังคงต้องติดตามกันต่อไป
2. Resident Evil (2002)
สำหรับ Resident Evil หรือที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักกันดีในชื่อ Biohazard เกมสยองขวัญเอาตัวรอดจากซอมบี้และสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ของค่าย Capcom ปล่อยขายครั้งแรกเมื่อปี 1996 แล้วโด่งดังฮอตฮิตขนาดถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นหนังสือการ์ตูน นิยาย และภาพยนตร์ โดยหนัง Resident Evil พูดถึงเรื่องราวของการแพร่กระจายไวรัสมรณะ ที่หลุดออกมาจากศูนย์วิจัยทางพันธุกรรม อัมเบรลล่า คอร์ปอเรชั่น โดย อลิซ ได้รับมอบหมายให้สกัดกั้นการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสภายในศูนย์วิจัย แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อเธอถูกจับไปทดลองและติดเชื้อ หนทางที่จะออกมาได้คือต้องหาแอนตี้ไวรัสเพื่อยับยั้งไวรัสมรณะ ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดนักแสดงนำสาว มิลล่า โจโววิช ให้ดังไกลไปทั่วโลก การันตีด้วยการกวาดรายได้รวมทั้ง 6 ภาค สูงถึง 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
3. Doom (2005)
หากพูดถึงชื่อเกม Doom เกมเมอร์ยุค 90 คงคุ้นเคยกันดีกับเกมยิงในตำนาน ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องกราฟิกและรูปแบบการเล่นที่แตกต่างจากเกมอื่น ๆ ในสมัยนั้น ตัวหนังพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการทดลองที่ผิดพลาดจึงต้องส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปตรวจสอบ และต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดฝันเพราะมนุษย์กลายพันธุ์ได้หลุดรอดไปจากพื้นที่กักกัน ตัวหนังไม่ได้ประสบความสำเร็จในแง่รายได้มากนัก เพราะทำเงินได้เพียง 58 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากพูดถึงเรื่องการเคารพต้นฉบับตัวเกมแล้วละก็ หนัง Doom ทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวในแง่ของความดิบ ความเถื่อน ความสยองขวัญ และตัวเกมยังมีมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First Person Shooter) ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมแนวนี้ใส่ลงไปด้วย
4. Silent Hill (2006)
อีกหนึ่งภาพยนตร์สยองขวัญที่หยิบเอาเค้าโครงเรื่องจากเกมชื่อเดียวกันมาดัดแปลง หนังเล่าเรื่องราวของแม่ที่ออกตามหาลูกในเมืองร้าง Silent Hill ก่อนจะพบความจริงว่าตัวเองหลุดเข้าไปในมิติสยองขวัญที่ถูกปกคลุมไปด้วย หมอก ขี้เถ้า และสนิม โดยโลกคู่ขนานนี้ซ้อนกับโลกแห่งความเป็นจริง การออกตามหาตัวลูกสาวจึงได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความลับและความน่าสะพรึงกลัวของเมืองนี้ที่ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมา ตัวหนังสามารถดึงบรรยากาศความน่ากลัวแบบในเกมมาได้เป็นอย่างดี งานออกแบบตัวมอนสเตอร์ก็ทำได้อย่างแนบเนียนเคารพตัวเกมต้นฉบับเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนตัวละครไปบ้าง แต่ก็ไม่ทำให้ความลุ้นระทึกของตัวละครกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในหนังเบาลงไปเลย สุดท้ายแล้วหนังเรื่องนี้ก็สามารถทำรายได้จากทั่วโลกสูงถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ และทุกวันนี้เวลาฝนตกหรือหมอกลงหนา ๆ จะถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเมือง Silent Hill กันเลยทีเดียว ซึ่งสืบเนื่องจากความนิยมนี้ก็ยังส่งผลให้มีภาคต่อตามมาในปี 2012 ด้วย ทว่าทำรายได้ไม่ตรงตามเป้าเท่าไร ปิดการฉายทั่วโลกไปที่ 55.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
5. Max Payne (2008)
สำหรับคอเกมคงจะคุ้นเคยกันดีกับเกมแนวยิงระห่ำอย่าง Max Payne ที่ความเท่ของตัวละครลงตัวได้ดีกับระบบเกมแบบ Bullet Time หรือ Slow Motion (หากใครนึกภาพไม่ออกลองคิดถึงฉากหลบกระสุนแบบสโลว์โมชั่นในหนัง The Matrix) ที่ช่วยให้การเล่นสนุกและแปลกตาสำหรับผู้เล่นมากขึ้น จากวิดีโอเกมสู่ภาพยนตร์จอใหญ่และสร้างรายได้ทั่วโลกไป 87 ล้านเหรียญสหรัฐ หนังนำแสดงโดย มาร์ค วอห์ลเบิร์ก กับเรื่องราวของตำรวจเดนตาย แม็กซ์ เพย์น ที่ไม่สนใจกฎกติกาใด ๆ ทั้งสิ้นในการไล่ล่าหาตัวกลุ่มฆาตกรโหดที่สังหารครอบครัวและคู่หูคนสนิทของเขา เรียกได้ว่าในเกมโหด มัน ขนาดไหน ในเวอร์ชั่นหนังทวีคูณไปเท่าตัวเลย
6. Prince of Persia: The Sands of Time (2010)
หนังสร้างมาจากซีรีส์เกมผจญภัยที่คอเกมรุ่นเก๋าอาจจะคุ้นเคยกันมาบ้าง จุดเด่นของเกมน่าจะอยู่ที่ความคล่องตัวของตัวละคร การกระโดดเกาะจับพื้นที่ต่าง ๆ เมื่อหันมามองในมุมหนัง Prince of Persia ได้ เจอร์รี่ บัคไฮเมอร์ นั่งแท่นกำกับ และสามารถเนรมิตโลกเปอร์เซียในอดีตออกมาได้อย่างน่าตื่นตาและคล้ายคลึงกับในตัวเกม ฉากการต่อสู้ ปีนป่าย ที่เป็นเอกลักษณ์ของเกม ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุก สามารถพาผู้ชมเข้าไปผจญภัยพร้อมตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยหนังสามารถกวาดรายได้สูงถึง 336.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หนังเล่าเรื่องราวของเจ้าชายและเจ้าหญิงที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ต้องมาร่วมมือกันต่อสู้กับอำนาจมืดที่สุดแสนชั่วร้ายเพื่อปกป้องกริชโบราณที่สามารถปลดปล่อยพลังของทรายแห่งกาลเวลา เครื่องมือของเทพเจ้าที่ทำให้ผู้ครอบครองเป็นอมตะและสามารถย้อนเวลากลับไปได้ตามที่ต้องการ เรียกว่าถ้าคุณเป็นคนที่หลงใหลในการผจญภัยต้องห้ามพลาดหนังเรื่องนี้
7. Need for Speed (2014)
เกมแข่งรถในตำนานของ EA ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก Need for Speed เป็นหนังที่ถูกดัดแปลงมาจากเกมชื่อเดียวกัน ตัวเกมไม่ได้ซับซ้อนอะไรเพราะมาแนวแข่งความเร็วกับรถสวย ๆ ที่สามารถเลือกได้ว่าเราจะประลองความเร็วบนสนามแข่งหรือบนท้องถนน ซึ่งเราจะได้แข่งรถซิ่งไปพร้อม ๆ กับการหลบหนีการไล่ล่าของตำรวจ หันกลับมามองที่ตัวหนัง Need for Speed นำเสนอเรื่องราวของนักแข่งรถที่ถูกจับกุมในความผิดที่ไม่ได้ก่อ เมื่อพ้นโทษออกมาเขาก็มาลงแข่งในการแข่งขันรถข้ามประเทศสุดโหดเพื่อจัดการแก้แค้นคนที่ใส่ร้ายเขา การไล่ล่าอันดุเดือดจึงเกิดขึ้น ในหนังเต็มไปด้วยรถซูเปอร์คาร์สวย ๆ และราคาแพงระยับ แบบฉบับที่คงถูกใจคอหนังที่ชอบความเร็วกันอย่างแน่นอน ตัวหนังทำเงินทั่วโลกไป 203.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
8. Warcraft (2016)
น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเกมชื่อดังเกมนี้ สำหรับ Warcraft เกมแนววางแผนรบ RTS (Real Time Straregy) ที่ผู้เล่นรับหน้าที่บัญชาการ สร้างฐานทัพและกองทัพ รวมถึงบริหารทรัพยากร เพื่อยกทัพไปลุยกับฝ่ายศัตรู และในส่วนของหนัง Warcraft จะพูดถึงเรื่องราวการเผชิญหน้าของสองอารยธรรมที่แตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และออร์ค โดยมนุษย์ต้องรับมือกับการรุกรานของออร์คที่ต้องการถิ่นที่อยู่ใหม่ จนทำให้เหตุการณ์บานปลายกลายเป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เพื่อหวังทำลายล้างอีกฝั่งให้สิ้นซาก กราฟิกของหนังทำได้ดีสมกับที่ผู้พัฒนาเกมอย่าง Blizzard เข้ามามีส่วนร่วมด้วย หนังทำเงินไปสูงถึง 439 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นหากใครที่ชื่นชอบหนังแนวสงคราม กราฟิกดี ภาพอลังการ หรือเป็นแฟนของเกม Warcraft ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
9. Assassin's Creed (2016)
หลังจากมีข่าวว่าจะสร้าง Assassin's Creed เป็นภาพยนตร์ ทั้งคอหนังและเหล่าเกมเมอร์ต่างก็ตั้งตารอที่จะได้ชมความยิ่งใหญ่ของนักฆ่าในตำนาน ซึ่งในหนังเล่าเรื่องตัดสลับไปมาระหว่างยุคปัจจุบันกับศตวรรษที่ 15 ดำเนินเรื่องผ่าน คัลลั่ม ลินช์ ชายที่ปลดล็อกความทรงจำเกี่ยวกับต้นกำเนิด จึงทำให้เขารู้ว่าตัวเองเคยเป็นนักฆ่าที่ฆ่าคนได้โดยไม่มีกฎเกณฑ์ รักอิสรภาพ และทำทุกอย่างเพื่อรักษาแอปเปิลแห่งอีเดนเอาไว้ ถึงแม้จะเป็นที่กังขาของเหล่าคอหนังว่าตัวหนังต้องการจะสื่อเรื่องราวไปทิศทางไหน เพราะไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่สุดสักทาง ทั้งแอปเปิล คืออะไร องค์กรเทมพลาร์ น่ากลัวยังไง ตัวหนังไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนสักอย่าง จนสร้างความงุนงงให้กับคนดูไม่มากก็น้อย ต่างจากเหล่าเกมเมอร์ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเกมนี้ที่สามารถเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ของหนังได้เป็นอย่างดี แต่ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่แปลกที่คนทั่วไปจะไม่เข้าใจในตัวหนัง เพราะรายละเอียดมีมากเกินกว่าหนัง 2 ชั่วโมงจะเก็บหมด โดยหนัง Assassin's Creed ทำรายได้ทั่วโลกไป 240.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
10. The Angry Birds Movie (2016)
จากเกมฮิตที่ได้รับความนิยมทั่วโลกอย่าง Angry Birds ที่ใคร ๆ ก็คุ้นเคยกันดีและน่าจะได้สัมผัสเกมนี้กันมาบ้าง ซึ่งในหนัง The Angry Birds Movie เป็นการนำคาแรกเตอร์ตัวละครหลักของฉบับเกมมาเพิ่มเติมเรื่องราวให้เราได้ทำความรู้จักกับพวกเขาเหล่านี้มากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าหนังไม่ลืมที่จะใส่ความขี้โมโหมาเป็นแกนหลักของเรื่อง และเพิ่มเติมเนื้อหาให้คนดูได้ติดตามว่าเหล่าสหายใน Angry Birds จะช่วยกันแก้ปัญหาและช่วยเหลือเกาะสวรรค์ของพวกเขาจากหมูสีเขียวผู้มาเยือนที่มาพร้อมแผนการยึดเกาะของพวกเขาได้อย่างไร แน่นอนว่าในหนังคงเสน่ห์ของเกมได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการดีดตัวของเหล่านกจากหนังสติ๊กขนาดยักษ์ เพื่อทำลายสิ่งก่อสร้างและพวกหมูเขียววายร้าย ที่ถอดแบบมาจากต้นฉบับเกมได้ไม่ผิดเพี้ยน จึงไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะถูกอกถูกใจคนดู และทำเงินถล่มทลายไปถึง 352.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีภาคต่อออกมาในปี 2019 กับ The Angry Birds Movie 2 ที่เก็บรายได้เพิ่มไป 147.7 ล้านเหรียญสหรัฐ
11. The Last of Us (2023)
จากเกมชื่อดังยอดฮิตสำหรับเครื่อง PlayStation 3 เป็นเกมแฟรนไชส์ที่มียอดขายกว่า 3.4 ล้านแผ่น ใน 3 เดือน กลายมาเป็นซีรีส์สร้างจากเกมที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย ติดเทรนด์ Twitter อันดับ 1 ทั่วโลก ในช่วงเปิดตัวซีรีส์ เรื่องราวการล่มสลายของโลก หลังจากเกิดวิกฤตการณ์เชื้อรามรณะที่ทำให้ผู้ติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้ไล่กัดกินมนุษย์คนอื่น ๆ โดยมีตัวละครหลักคือ โจเอล ผู้รอดชีวิต ที่ได้รับภารกิจในการพาตัว เอลลี ออกจากเขตกักกัน มองดูอาจจะเป็นภารกิจที่แสนจะธรรมดา แต่เด็กหญิงคนนี้กลับเป็นผู้กุมความลับที่อาจพลิกชะตาของโลกได้ เพราะเธอเป็นมนุษย์คนเดียวที่มีภูมิคุ้มกันเชื้อราร้ายตัวนี้ สามารถติดตามความเข้มข้นของ The Last of Us ซีรีส์เวอร์ชั่นคนแสดง ทาง HBO และ HBO Go ได้แล้ววันนี้
ถือว่าเป็นฝันที่เป็นจริงของเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลาย ที่ตัวละครในเกมจะออกมาโลดแล่นในเวอร์ชั่นคนแสดงจริง ๆ พร้อมเนื้อเรื่องที่เข้มข้นสุดมันส์ และทั้งหมดที่เรานำมาฝากกันวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังที่สร้างจากเกมเท่านั้น ยังมีเกมดังอีกมากมายที่จ่อเข้าคิวสร้างและเตรียมเข้าฉายมอบความสนุกสุดมันส์ให้แฟนหนังและแฟนเกมได้เลือกชมกันตามชอบเลย
สำหรับใครที่ยังไม่จุใจเรามีลิสต์หนังสร้างจากเกมและซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากเกมมาให้ได้เลือกชมกันอีกเพียบ
• The Last of Us เรื่องน่ารู้ของซีรีส์คนแสดงที่สร้างมาจากเกมดัง
• 10 สุดยอดเกม ที่คนอยากให้ทำเป็นหนังมากที่สุด
• รวมหนังแฟนตาซี ที่ตัวละครหลุดไปในโลกแห่งเกมและหนังสือ
• 10 หนังเอาตัวรอด ที่มีชีวิตเป็นเดิมพันในเกมเสี่ยงตาย
• 12 หนัง ซีรีส์สร้างจากเกม ความมันจากจอยเกมที่กระโดดมาโลดแล่นผ่านจอ