ประวัติ และ 10 ผลงานหนังของ ทอม ครูซ (Tom Cruise) นักแสดงตัวพ่อที่โลดแล่นในวงการฮอลลีวูดมานานกว่า 40 ปี แถมเล่นจริงด้วยตัวเองเกือบทุกฉาก
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise
ทอม ครูซ (Tom Cruise) หนึ่งในนักแสดงชายที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีผลงานการันตีความดังมากที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องฝีมือด้านการแสดงตลอดเวลาที่โลดแล่นในวงการมาเกือบ 40 ปี เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจของคนทั่วโลกอย่างแท้จริง และแม้ว่าอายุอานามของ ทอม จะเข้าเลข 6 แล้ว แต่เขายังคงแสดงหนังในบทบาทที่ท้าทาย เล่นฉากหวาดเสียวเองเหมือนเดิม เรียกว่าเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับแฟน ๆ อย่างแท้จริง วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ทอม ครูซ ทั้งประวัติและผลงานเด่น ๆ ของนักแสดงตัวพ่อแห่งวงการหนังฮอลลีวูด ที่แม้จะเล่นหนังแอ็คชั่นบู๊ระห่ำขนาดไหน เขาก็ขอเล่นเอง เจ็บเอง แบบไม่ง้อสตั๊นต์เลย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise
ทอม ครูซ (Tom Cruise) ชื่อจริงคือ ทอมัส ครูซ เมบอเธอร์ที่ 4 (อังกฤษ : Thomas Cruise Mapother IV) เกิดวันที่ 3 กรกฎาคม 1962 ที่เมืองซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวัยเด็กเขาต้องย้ายโรงเรียนมามากถึง 15 แห่ง จนกระทั่งจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายจากเกลนไรดจ์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ทำให้เขาต้องทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักร้อง แล้วหันมาเรียนการแสดงแทน
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise
ด้านชีวิตครอบครัวของ ทอม ครูซ เขาเคยมีภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายมาแล้ว 3 คน คือ มีมี่ โรเจอร์ส (Mimi Rogers) นักแสดงชาวอเมริกัน ก่อนจะแต่งงานใหม่กับนักแสดงชาวออสเตรเลีย นิโคล คิดแมน (Nicole Kidman) ในปี 1990 และเลิกรากันในปี 2001 โดยทั้งคู่มีบุตรบุญธรรม 2 คน คือ อิซซาเบลลา เจน (Isabella Jane) และ คอนเนอร์ แอนโธนี (Connor Antony) ต่อมา ทอม ได้แต่งงานกับ เคที โฮล์มส (Katie Holmes) ในปี 2006 ซึ่งทั้งคู่มีลูกสาว 1 คน คือ ซูริ (Suri) ก่อนที่จะปิดฉากความรัก 6 ปี เมื่อเดือนมิถุนายน 2012 ทั้งนี้ หลังจากที่ทอมเลิกรากับเคทีไป เขาก็ครองตัวเป็นโสดมาถึง 11 ปี
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise
หลังจากเรียนการแสดงในวัยรุ่น ทักษะการแสดงของทอม ครูซ ก็เริ่มฉายแววตั้งแต่เด็ก เริ่มมีแมวมองมาติดต่อให้ไปแสดงละครเพลง จนกระทั่งเขาได้พบกับ พอลลา วากเนอร์ (Paula Wagner) ครีเอทีฟอาร์ทิสต์เอเจนซี่ ซึ่งเป็นคนชักนำทอมให้เข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ โดยเขาได้รับบทที่ไม่โดดเด่นมากในหนังเรื่องแรกคือ Endless Love (1981) จากนั้นก็มีผลงานแสดงอย่าง Risky Business (1983), All the Right Moves (1983), Legend (1985) แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชื่อของ ทอม ครูซ เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างคือหนังเรื่อง Top Gun (1986) ซึ่งเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้กับเขาเป็นอย่างมาก และผลักดันให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการฮอลลีวูดในเวลาต่อมา
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise
หลังแจ้งเกิดในวงการ ทอม ครูซ มีผลงานภาพยนตร์เรื่องดังตามมาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็น Rain Man (1988), Born on the Fourth of July (1989) ซึ่งทำให้เขาสามารถคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ดราม่า มาครองได้ ตามมาด้วย A Few Good Men (1992), Jerry Maguire (1996), The Last Samurai (2003), War of the World (2005) และการรับบท อีธาน ฮันต์ ในแฟรนไชส์สายลับที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง Mission : Impossible
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise
ทอม ครูซ นับว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงมากความสามารถที่สร้างอิมแพกต์อย่างมากต่อวงการหนังต่างประเทศ เพราะไม่ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์แบบไหน บทบาทอะไร เขาก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและเป็นที่น่าจดจำ อีกทั้งความทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมสู่สายตาคนดู หรือจะเป็นส่วนหนึ่งที่ชอบในความตื่นเต้นมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขามักจะแสดงฉากเสี่ยงตายด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้งด้วย
1. Top Gun (1986), Top Gun : Maverick (2022)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Top Gun
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ชื่อของ ทอม ครูซ เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพราะหนังเรื่องนี้ทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการฮอลลีวูด จากบทบาท มาเวอริค มิทเชลล์ นักบินหัวรั้น ที่ถูกส่งตัวมาประจำการอยู่ที่หน่วย Top Gun ซึ่งเขาชอบแหกกฎของทางการบินเป็นประจำ จนทำให้เกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้น และเรื่องราวนั้นเองก็เป็นเหมือนบทเรียนที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนชีวิตตัวเอง และกลับมาตั้งใจฝึกไปพร้อมกับหน่วยอีกครั้ง เมื่อหนัง Top Gun เข้าฉายที่สหรัฐอเมริกา ก็กลายเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ที่ดังถล่มทลายเกินคาด ตั้งแต่แจ้งเกิดนักแสดงนำ รายได้ เพลงประกอบ ไปจนถึงแว่นกันแดดเรย์แบน ที่กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวัฒนธรรมป๊อปในยุค 80's ไปเลย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Top Gun
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Top Gun
หลังจากหนังภาคแรกที่เข้าฉายเมื่อปี 1986 จนเวลาผ่านมากว่า 30 ปี ทอม ครูซ ก็กลับมาสวมชุดนักบินอีกครั้งใน Top Gun : Maverick พร้อมกับบทบาทครูฝึกหน่วย Top Gun เพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ยังไม่มีนักบินที่มีชีวิตอยู่เคยเห็นมาก่อน เขาต้องเผชิญกับความกลัวที่ฝังลึกอยู่ รวมทั้งเป้าหมายในการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ
2. Mission : Impossible 1-7 (1996-2023)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Mission: Impossible
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Mission: Impossible
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Mission: Impossible
หนังแอ็คชั่นแฟรนไชส์ที่คอหนังทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี เรื่องราวของ อีธาน ฮันต์ สายลับภาคสนามที่หาตัวจับยากขององค์กร IMF ในการทำภารกิจสุดเสี่ยงและอันตรายเพื่อหยุดยั้งหายนะที่กำลังจะตามมา ทั้งนี้ หนังเรื่องนี้เข้าฉายมาแล้วทั้งหมด 7 ภาค โดยเนื้อหาของแต่ละภาคไม่เชื่อมต่อกัน สามารถดูภาคไหนก่อนก็ได้ ที่สำคัญสำหรับเสน่ห์ของแฟรนไชส์สายลับระดับพระกาฬคนนี้คือซีนแอ็คชั่นของ ทอม ที่เจ้าตัวยืนยันว่าอยากเล่นจริง โดยใช้เทคนิคพิเศษในการถ่ายทำ หรือแม้กระทั่งใช้สตั๊นต์แมนให้น้อยที่สุด จึงทำให้หนังออกมามีความสมจริง บ้าระห่ำ และน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดด้วย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Mission: Impossible
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเริ่มต้นก็ต้องมีจุดสิ้นสุดตามมาด้วย เพราะมีข่าวแว่ว ๆ มาว่า สายลับ อีธาน ฮันต์ อาจจะทำภารกิจสุดท้ายในภาคจบ Mission : Impossible - Dead Reckoning Part Two ที่จ่อฉายในปี 2025 ด้วย
3. Interview with the Vampire : The Vampire Chronicles (1994)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Interview with the Vampire
ก่อนจะยืนหนึ่งกับหนังแอ็คชั่น ทอม ครูซ ก็เคยเล่นหนังแวมไพร์สไตล์เหงา ๆ อ้างว้างสะเทือนอารมณ์มาเหมือนกันนะ กับหนังแวมไพร์หนุ่มรูปงามที่ต้องเลือกหาชายรูปหล่อมาเป็นเพื่อนคลายเหงา โดยในเรื่องนี้ ทอม รับบทเป็น ลีสแตท แวมไพร์อายุกว่า 100 ปี ที่อยู่แบบเหงา ๆ เปล่าเปลี่ยวมานานพอแล้ว เลยอยากหาเพื่อนคู่ใจ หวยเลยมาตกโดน หลุยส์ ซึ่งรับบทโดย แบรด พิตต์ เด็กหนุ่มที่ได้รับชีวิตอมตะ แต่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของลีสแตท และความรังเกียจชีวิตแวมไพร์จนอยากจะหลบหนีไปให้พ้น ๆ ซึ่งลีสแตทได้หาทางออกด้วยการมอบชีวิตแวมไพร์ให้ คลอเดีย เด็กสาวที่กลายมาเป็นลูกสาวของทั้งคู่ แต่สุดท้ายเธอกลับกลายเป็นชนวนที่สร้างรอยร้าวให้กับความสัมพันธ์ของทั้งสองเสียเอง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Interview with the Vampire
4. Jerry Maguire (1996)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jerry Maguire
หนังที่ผสมผสานทั้งตลก ดราม่า และโรแมนติก รวมถึงเป็นหนังที่สอดแทรกข้อคิด คติเตือนใจเกี่ยวกับความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และการสำนึกผิดแล้วกลับตัวกลับใจหันมาเริ่มใหม่อีกครั้ง เรื่องราวของ เจอร์รี่ แม็คไกวร์ นายหน้านักกีฬาชื่อดังผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักกีฬาหลายคน วันหนึ่งเขาเกิดความสงสัยในจรรยาบรรณของอาชีพตัวเอง เขาตั้งคำถามในงานที่ทำกับบริษัทตัวเอง ก่อนที่จะเขียนหนังสือออกมาอธิบายไอเดียเกี่ยวกับจรรยาบรรณของการเป็นนายหน้า ว่าควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของลูกค้ามากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เขาถูกไล่ออกจากงานเพราะแนวคิดของเขานั้นขัดกับแนวทางของบริษัท เจอร์รี่ไม่ท้อแท้แม้ว่าการเริ่มต้นใหม่จากศูนย์เป็นสิ่งที่ยาก แต่เขาก็พยายามฝ่าฟันและสนใจสิ่งรอบข้างมากกว่าจำนวนเงินที่ได้ โดยหนังเรื่องนี้ทำให้ชื่อของ ทอม ครูซ ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงยอดเยี่ยม เมื่อปี 1997 ด้วย
5. Minority Report (2002)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Minority Report
หนังไซไฟ-แอ็คชั่นสุดล้ำที่ได้ ทอม ครูซ เจ้าพ่อหนังสายลับ มาร่วมงานกับพ่อมดแห่งฮอลลีวูดอย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก เรื่องราวเล่าเกี่ยวกับ จอห์น แอนเดอร์ตัน หัวหน้าชุดหน่วยสกัดอาชญากรรมด้วยเทคโนโลยีแบบล้ำอนาคตที่มีชื่อว่า Precrime ที่ใช้ผู้หยั่งรู้มาเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์อาชญากรรมที่กำลังจะเกิดได้ล่วงหน้า นั่นเลยทำให้หน่วยงานนั้นสามารถตามจับคนร้ายได้อย่างแม่นยำก่อนที่เหตุการณ์จริง ๆ จะเกิดขึ้น ซึ่ง จอห์น ในฐานะที่เสียลูกชายไป จึงมีความเชื่อในระบบนี้เป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง Precrime กลับแสดงผลว่าจอห์นกำลังจะเป็นฆาตกรที่ทำการฆาตกรรมชายปริศนาคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จัก จนทำให้เขาต้องหนีการไล่ล่าจากหน่วยของตัวเอง พร้อมกับตามหาชายปริศนาคนนั้นเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Minority Report
6. The Last Samurai (2003)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Last Samurai
การร่วมงานครั้งแรกของ ทอม ครูซ กับ เอ็ดเวิร์ด ซวิค ในการสร้างสรรค์ผลงานหนังมหากาพย์สงครามเกี่ยวกับเหตุการณ์ในญี่ปุ่น เรื่องราวของ ร้อยเอก เนธาน อัลเกร็น ทหารในปฏิบัติการอินเดียนแดง เมื่อสงครามจบลง องค์จักรพรรดิหนุ่มแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ทำการว่าจ้างเขาให้มาทำการฝึกฝนทหารเกณฑ์ญี่ปุ่น เพื่อล้างบางซามูไรและจัดตั้งรัฐบาลแบบชนชาติตะวันตก เมื่อทำการรบครั้งแรกอัลเกร็นถูกจับตัวไปเป็นเชลยและได้พบกับพวกซามูไร เขาถูกซึมซับด้วยวัฒนธรรมญี่ปุ่นโบราณและวิถีแห่งซามูไร ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาประทับใจ แต่สุดท้ายแล้วเขาต้องเลือกระหว่างหน้าที่ที่ถูกว่าจ้างหรือจะต่อสู้เพื่อเหล่าซามูไร ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ภาพหนังที่ใช้ในการโปรโมต ด้วยภาพ ทอม ครูซ ในชุดซามูไรขี่ม้าถือดาบนำทัพออกรบ ถือว่าเป็นภาพลักษณ์ที่แปลกตาไม่เคยเห็นกันมาก่อน และทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีกครั้ง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Last Samurai
7. War of the Worlds (2005)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก War of the Worlds
การกลับมาพบกันอีกครั้งของ ทอม ครูซ และ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่เว้นวรรคการเป็นสายลับจากภารกิจต่าง ๆ มาเล่นหนังไซไฟ-ทริลเลอร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายคลาสสิก ปี 1898 เรื่องราวของพ่อลูกธรรมดาคู่หนึ่งที่ต้องหนีตายจากความบ้าคลั่ง หลังจากที่เกิดเหตุการณ์การปรากฏตัวของเครื่องจักรสงครามโผล่ขึ้นมาจากใต้พื้นโลก ซึ่งชี้ชัดว่านี่เป็นการบุกโจมตีโลกของพวกมนุษย์ต่างดาว ทำให้ทั้งคู่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่มนุษย์ไม่เคยรู้จักมาก่อน และต้องเอาชีวิตรอดในเงื่อนไขที่มนุษย์แทบจะไม่สามารถต่อกรกับเครื่องจักรต่างดาวนี้ได้เลย ซึ่งหนังเรื่องนี้ ทอม ครูซ ได้สลัดคราบสายลับระดับพระกาฬไปหมดไม่เหลือ และถ่ายทอดมุมที่เป็นคนธรรมดา พ่อที่แสนจะอ่อนแอ เจ็บปวดเป็น แต่ก็ต้องสู้สุดใจเพื่อปกป้องลูกสาวสุดที่รักของเขา
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก War of the Worlds
8. Edge of Tomorrow (2014)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Edge of Tomorrow
หนังแอ็คชั่น-ไซไฟที่ถูกจริตคนดูชาวไทยมาก เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายภาพของญี่ปุ่น All You Need Is Kill ว่าด้วยเรื่องราวของโลกที่กำลังถูกเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนบุกยึดครอง เหล่ามนุษยชาติต้องรวมตัวกันก่อตั้งพันธมิตรป้องกันโลก และสร้างชุดเกราะเหล็กสำหรับนักรบไว้เพื่อต่อกรกับเหล่าเอเลี่ยน มีทหารกล้าจากหลายประเทศได้รับภารกิจให้ไปบุกถล่มหยุดยั้งเอเลี่ยนเหล่านั้น รวมถึง พันตรี วิลเลียม เคจ ทหารอ่อนหัดที่ตื่นกลัวสงคราม ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยประชาสัมพันธ์ให้มีผู้คนอาสาไปรบกับเอเลี่ยน แต่จู่ ๆ ก็ถูกผีผลักส่งตัวเองไปรบแนวหน้าแบบงง ๆ ระหว่างที่อยู่ในสนามรบเขาได้สละตัวเองสังหารเอเลี่ยนไป 1 ตัวถ้วน แต่เลือดของมันได้กระจายและไหลเข้าไปในตัวเขาก่อนสิ้นใจ แทนที่จะจบไปแบบนั้น แต่เขาดันตื่นขึ้นมาใหม่อีกครั้งแบบวนลูปย้อนกลับมาก่อนที่จะมีการบุกถล่มเอเลี่ยน เขาต้องเข้าไปในสนามรบอีกครั้ง รบกับเอเลี่ยนอีกครั้ง ตายอีกครั้ง และวนไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะหาทางฆ่าเอเลี่ยนที่ร้ายกาจได้
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Edge of Tomorrow
9. Jack Reacher (2012), Jack Reacher : Never Go Back (2016)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jack Reacher Movie
หนังแอ็คชั่น-ระทึกขวัญที่ดัดแปลงเค้าโครงจากหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทมส์ Jack Reacher ตอน One Shot เรื่องราวของ แจ็ค รีชเชอร์ อดีตมือสืบสวนของกองทัพ ที่ตั้งใจมาคิดบัญชีกับผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย แต่ไป ๆ มา ๆ เขากลับถูกดึงเข้ามาให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวนคดีดังกล่าว แถมยิ่งค้นลึกลงไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งพบว่าเรื่องมีเงื่อนงำที่ซับซ้อน และกลายเป็น แจ็ค ที่ถูกจัดฉากว่าเป็นฆาตกร จึงทำให้เขาต้องหาทางหยุดเรื่องนี้ก่อนที่จะสายเกินไป
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jack Reacher Movie
10. The Mummy (2017)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Mummy
หนังรีเมกเรื่องแรกของ Dark Universe ถือเป็นโปรเจกต์ใหญ่ของสตูดิโอยูนิเวอร์แซล ที่จะสร้างจักรวาลผีฝรั่งของวงการฮอลลีวูด ทั้งมนุษย์หมาป่า มนุษย์ล่องหน แดรกคูล่า และ แฟรงเกนสไตน์ โดยดึงเอา ทอม ครูซ มารับบทเป็น นิค มอร์ตัน ทหารรับจ้างที่ขโมยวัตถุโบราณตามสถานที่ต่าง ๆ ไปขายทอดตลาดอีกทีหนึ่ง ชีวิตของเขามักจะถูกตามล่าบ่อย ๆ จากผู้คนในตลาดมืด แต่บังเอิญ สิ่งของชิ้นหนึ่งที่เขาขโมยมากลับมีวิญญาณลึกลับบางอย่างติดตามมาด้วย ซึ่งวิญญาณที่ว่านี้คือฟาโรห์ที่ถูกทำให้กลายเป็นมัมมี่เพื่อเฝ้าสมบัติประจำตระกูลของตัวเอง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise
นี่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น สำหรับผลงานของ ทอม ครูซ พระเอกแถวหน้าของวงการฮอลลีวูด ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาตั้งแต่ยุค 80s และยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย มีผลงานแสดงมาแล้วมากมาย แถมมีหนังที่รอจ่อคิวฉายอยู่อีกเพียบ นอกจากเป็นนักแสดงมากฝีมือแล้ว เขายังขึ้นแท่นเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังแอ็คชั่นในตำนานอีกด้วย
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก Tom Cruise, เฟซบุ๊ก Top Gun, เฟซบุ๊ก Mission: Impossible, เฟซบุ๊ก Interview with the Vampire, เฟซบุ๊ก Jerry Maguire, เฟซบุ๊ก Minority Report, เฟซบุ๊ก The Last Samurai, เฟซบุ๊ก War of the Worlds, เฟซบุ๊ก Edge of Tomorrow, เฟซบุ๊ก Jack Reacher Movie, เฟซบุ๊ก The Mummy