คิลเลียน เมอร์ฟี จากหนุ่มนักดนตรี ก่อนหันเหสู่เส้นทางการแสดง ที่มีผลงานสุดโดดเด่นสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมากมาย ก่อนจะถึงจุดสูงสุดของอาชีพนักแสดงด้วยการคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ออสการ์ 2024 จากหนัง Oppenheimer
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
คอหนังหลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับ คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) นักแสดงนัยน์ตาฟ้า กรอบหน้าชัดคม บุคลิกเท่ ที่มาพร้อมกับฝีมือการแสดงสุดจัดจ้าน โดยเฉพาะบทบาท โธมัส เชลบี (Thomas Shelby) ใน Peaky Blinders ซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องราวของแก๊งอาชญากรรมของอังกฤษ ที่มีตัวตนจริงในช่วงต้นศตวรรษ 20 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลงานสร้างชื่อของเขา
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
แต่หลาย ๆ คนก็อาจรู้จักนักแสดงหนุ่มคนนี้จากหนังของเสด็จพ่อโนแลน ที่ในหลายเรื่องมักจะมีเขาคนนี้ร่วมอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักแสดงคู่บุญของคริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ว่าได้ โดยเขาทำงานร่วมกันมาแล้วถึง 5 เรื่อง ตั้งแต่ Batman Trilogy, Inception และ Dunkirk จนถึงผลงานล่าสุดอย่าง Oppenheimer ที่เขารับหน้าที่ถ่ายทอดบทบาท เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (Cillian Murphy) นักฟิสิกส์ผู้สร้างระเบิดปรมาณู ตัวเอกของเรื่องนั่นเอง ซึ่งผลงานงานเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ 2024 และเวทีลูกโลกทองคำ 2024 อีกด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมจึงไม่พลาดที่จะหยิบเรื่องราวของ คิลเลียน เมอร์ฟี ทั้งประวัติและผลงานที่ผ่านมา ให้แฟน ๆ ได้ทำความรู้จักกับเขาคนนี้มากขึ้นอีกนิดกัน
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ประวัติ คิลเลียน เมอร์ฟี
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) นักแสดงชาวไอริช เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1976 ที่เมืองดักลาส และเติบโตที่เมืองบัลลินเทมเพิล ทางฝั่งตะวันออกของเมืองคอร์ก ประเทศไอร์แลนด์ มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน คุณพ่อทำงานกระทรวงศึกษาของไอร์แลนด์ และคุณแม่เป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศส เมอร์ฟีสำเร็จการศึกษาจาก Presentation Brothers College, Cork และไปเรียนต่อด้านกฎหมายที่ University College Cork เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาสนใจในด้านดนตรี โดยเขาเป็นอดีตมือกีตาร์และนักร้องนำของวง the Sons of Mr. Green Genes ซึ่งมีผลงานออกมา 1 อัลบั้ม เมื่อปี 1996 ซึ่งต่อมาได้ถูกทาบทามให้เข้าร่วมกับค่ายเพลงใหญ่ในอังกฤษ แต่เขาได้ปฏิเสธสัญญาไป ก่อนจะหันเหไปทางด้านการแสดง โดยเข้าร่วมชมรมการแสดง UCC Drama Society ในมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนไป 1 ปีก็ออกจากมหาวิทยาลัยและเข้าร่วมกับ Corcadorca Theatre Company แสดงนำใน Disco Pigs (2001) จนกลายเป็นนักแสดงที่น่าจับตาคนหนึ่งของฝั่งอังกฤษเลยทีเดียว
เส้นทางการแสดง คิลเลียน เมอร์ฟี
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
จากผลงานการแสดงของ คิลเลียน เมอร์ฟี ในเรื่อง Disco Pigs (2001) ก็เข้าตาผู้กำกับ Danny Boyle จนถูกทาบทามให้เขามารับบทนำในหนัง 28 Days Later... (2002) ซึ่งกลายเป็นหนังยอดฮิตในช่วงนั้นด้วยความแปลกใหม่ของเนื้อหา โดยการแสดงที่สะกดใจผู้ชมของเขาทำให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จากงาน Empire Awards และนักแสดงชายยอดเยี่ยม จากงาน MTV Movie Awards อีกด้วย
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
เมอร์ฟี ยังมีผลงานในบทบาทนักแสดงสมทบจากหนังดัง ๆ อีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Cold Mountain (2003) และ Girl with a Pearl Earring (2003) ก่อนจะพลิกมารับบทตัวร้ายใน Batman Begins (2005) กับบท ดร.โจนาธาน เครน หรือ สแกร์โครว์ และ บทแจ็คสัน ริปป์เนอร์ ใน Red Eye (2005) ด้วยการแสดงอันทรงพลังของเขาทำให้ Manhola Dargis จาก New York Times ยกย่องให้เขาเป็น "วายร้ายที่สมบูรณ์แบบ" เช่นเดียวกับ David Denby จาก The New Yorker ที่ให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ในปีต่อมา เมอร์ฟี ได้รับบทที่ท้าทายการแสดงของเขาอย่างมากกับบท แพทริก "คิตเตน" เบรเดน หญิงข้ามเพศชาวไอริชที่ตามหาแม่ของเธอ ในภาพยนตร์เรื่อง Breakfast on Pluto (2005) ของ นีล จอร์แดน แม้ว่าตัวหนังจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก แต่ชื่อของ เมอร์ฟี ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในสาขาตลกหรือเพลง และได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์แห่งไอริช (IFTA) และผลงานภาพยนตร์เรื่อง The Wind That Shakes the Barley (2006) ซึ่งหนังที่เขาร่วมแสดงก็ได้รับรางวัลปาล์มทองคำ (Palme D'Or) จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2006 อีกด้วย
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
เมอร์ฟี ยังคงรับบทบาทในหนังอินดี้อีกหลายเรื่อง รวมถึงการรับบทเป็น ดร.โจนาธาน เครน หรือ สแกร์โครว์ (Scarecrow) ในหนัง Batman Begins ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักแสดงคู่บุญของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) โดยรับบท สแกร์โครว์ ต่อเนื่องใน The Dark Knight (2008), The Dark Knight Rises (2012) และร่วมแสดงในหนังของโนแลนอีกหลายเรื่อง ทั้ง Inception (2010), Dunkirk (2017) รวมถึงผลงานหนังล่าสุดของโนแลนอย่าง Oppenheimer เรียกได้ว่าเป็นการร่วมงานกับโนแลนมาอย่างยาวนานเกือบ 20 ปี นอกจากนี้เขายังมีผลงานเป็นซีรีส์ต่อเนื่องเรื่อง Peaky Blinders (2013-2022) ซึ่งบทบาทดังกล่าวทำให้เขาได้รับรางวัลภาพยนตร์และโทรทัศน์ไอริช สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปี 2017 และ 2018 จนกลายเป็นคาแรกเตอร์ที่เป็นภาพจำในอาชีพทางการแสดงของเขานั่นเอง
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ชีวิตส่วนตัว คิลเลียน เมอร์ฟี
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
คิลเลียน เมอร์ฟี มีชีวิตที่ค่อนข้างเรียบง่าย สันโดษ และไม่ค่อยยุ่งกับโลกโซเชียลมากนัก เขาแต่งงานกับ อีวอนน์ แมคกินเนส (Yvonne McGuinness) เมื่อปี 2004 มีลูกชาย 2 คน คือ มาลาชี (Malachy) และ อาราน (Aran) ปัจจุบันเมอร์ฟีและครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ที่ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
คิลเลียน เมอร์ฟี ผลงาน
ผลงานหนัง คิลเลียน เมอร์ฟี
- Quando (1997)
- The Tale of Sweety Barrett (1998)
- Sunburn (1999)
- The Trench (1999)
- Eviction (1999)
- At Death's Door (1999)
- Filleann an Feall (2000)
- A Man of Few Words (2000)
- Disco Pigs (2001)
- How Harry Became a Tree (2001)
- On the Edge (2001)
- Watchmen (2001)
- 28 Days Later (2002)
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
- Intermission (2003)
- Girl with a Pearl Earring (2003)
- Cold Mountain (2003)
- Zonad (2003)
- Batman Begins (2005)
- Red Eye (2005)
- Breakfast on Pluto (2005)
- The Wind that Shakes the Barley (2006)
- The Silent City (2006)
- Sunshine (2007)
- Watching the Detectives (2007)
- The Edge of Love (2008)
- The Dark Knight (2008)
- Perrier's Bounty (2009)
- The Water (2009)
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
- Peacock (2010)
- Inception (2010)
- TRON: Legacy (2010)
- Retreat (2011)
- Time (2011)
- Red Lights (2012)
- The Minutes (2012)
- Broken (2012)
- The Dark Knight Rises (2012)
- Harriet and the Matches (2013)
- Aloft (2014)
- Transcendence (2014)
- From the Mountain (2014)
- In the Heart of the Sea (2015)
- Anthropoid (2016)
- Free Fire (2016)
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
- The Meetings of the Waters (2017)
- The Party (2017)
- Dunkirk (2017)
- The Delinquent Season (2018)
- The Overcoat (2018)
- Anna (2019)
- A Quiet Place Part II (2020)
- All of This Unreal Time (2021)
- Kensuke's Kingdom (2023)
- Oppenheimer (2023)
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Oppenheimer
ผลงานซีรีส์ คิลเลียน เมอร์ฟี
- The Way We Live Now (2001)
- Peaky Blinders (2013-2022
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
ภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall
เป็นอย่างไรกันบ้างกับผลงาน คิลเลียน เมอร์ฟี ที่หลากหลายและมากไปด้วยคุณภาพ จะมีนักแสดงสักกี่คนที่สามารถเข้าถึงบทบาทได้อย่างสมจริง โดยไม่สนว่าหนังเรื่องนั้นจะเป็นหนังเล็กหรือหนังใหญ่ สำหรับใครที่สนใจติดตามไลฟ์สไตล์เรียบง่ายของนักแสดงหนุ่มคนนี้ สามารถไปฟอลโลกันที่ อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall ได้เลย
บทความที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์ IMDb, เว็บไซต์ Wikipedia, เว็บไซต์ วิกิพีเดีย, hollywoodreporter.com
ขอบคุณภาพจาก : อินสตาแกรม @cillianmurphyofficiall, เฟซบุ๊ก Oppenheimer, เฟซบุ๊ก The Dark Knight Trilogy
