หนังเข้าชิงรางวัล ออสการ์ 2024
1. American Fiction
เข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (เจฟฟรีย์ ไรท์), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (สเตอร์ลิง เค. บราวน์), ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม หนังสามารถคว้าไปได้ 1 สาขาจากบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
โดยหนัง American Fiction บอกเล่าเรื่องราวของ เทโลเนียส "มองค์" อัลลิสัน (รับบทโดย เจฟฟรีย์ ไรท์) ศาสตราจารย์และนักเขียนวรรณกรรมแนวเสียดสี ที่เริ่มเบื่อกับการกอบโกยผลประโยชน์จากการนำเสนอเรื่องราววัฒนธรรมของคนผิวดำผ่านสื่อบันเทิง จนกระทั่ง มองค์ อยากพิสูจน์ด้วยการเขียนหนังสือ "ผิวดำ" สักเล่ม หลังจากที่ตีพิมพ์เสร็จก็ได้รับกระแสตอบรับล้นหลามและโด่งดังในทันที จนทำให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับความบ้าคลั่งทางวัฒนธรรมและโลกที่เขาไม่ต้องการ
- รับชมได้ใน Prime Video
2. Anatomy of a Fall
เข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (ซานดรา ฮีลเลอร์), ผู้กำกับยอดเยี่ยม (ฌูสตีน ทริเยต์), ลำดับภาพยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และสามาถคว้ารางวัลในสาขา บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมไปครอง
โดย Anatomy of a Fall เขาบอกว่าเธอฆ่า หนังดราม่า-ระทึกขวัญ เจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ปาล์มทองคำปี 2023 บอกเล่าเรื่องราวของหญิงคนหนึ่งที่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรมสามีของตัวเอง และลูกชายพิการทางสายตาของเธอก็ต้องพบกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อเขาต้องเป็นพยานเพียงคนเดียวในเหตุการณ์นี้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามกันได้เลย
- กลับเข้ามาฉายใหม่ในโรงภาพยนตร์
3. Barbie
หนังคว้า 1 รางวัล สาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เพลง "I’m Just Ken" จากการเข้าชิงทั้งสิ้น เข้าชิงทั้งหมด 7 สาขา (8 รางวัล) ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (ไรอัน กอสลิง), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (อเมริกา เฟอร์เรรา), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, โปรดักชั่นดีไซน์, ออกแบบเครื่องแต่งกาย และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 2 เพลง คือ I’m Just Ken กับ What Was I Made For?
โดย Barbie บาร์บี้ หนังแนวตลก-แฟนตาซี บอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของ บาร์บี้ (มาร์โกต์ ร็อบบี้) ที่ออกเดินทางจากโลกแฟนตาซีไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงเพื่อค้นหาคำตอบของชีวิต โดยมี เคน เป็นเพื่อนร่วมทาง (ไรอัน กอสลิง) โดยหนังจะเกี่ยวข้องกับการค้นหาเป้าหมายของชีวิต ที่ทั้งสองต้องเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้ในเมืองที่สุดแสนจะธรรมดาแห่งนี้ ที่ที่ตึกรามบ้านช่องไม่ได้เป็นสีชมพู และผู้คนไม่ได้มีชื่อเรียกกันแค่สองชื่อ
4. The Holdovers
หนังคว้าไป 1 รางวัล ได้แก่ นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (ดาวิน จอย แรนดอล์ฟ) จากการเข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (พอล จิอาแมตติ), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (ดาวิน จอย แรนดอล์ฟ), ลำดับภาพยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
หนัง The Holdovers ว่าด้วยเรื่องราวของ พอล ฮันแฮม อาจารย์สอนด้านประวัติศาสตร์ที่ไม่ค่อยมีคนชอบหน้ามากเท่าไรนัก ไม่ว่าจะนักเรียน ครูด้วยกันเอง หรือแม้กระทั่งครูใหญ่ และเนื่องจากวันหยุดคริสต์มาสในปี 1970 เขาไม่ได้ไปไหน จึงรับหน้าที่ดูแลนักเรียนที่ไม่ได้กลับบ้านในช่วงวันหยุดเทศกาล ซึ่งปีนี้เหลือนักเรียนแค่คนเดียวคือ แองกัส ทูลลี เด็กเรียนดี แต่มีพฤติกรรมเจ้าปัญหา กับ แมรี หัวหน้าแม่ครัวเชื้อสายอเมริกัน-แอฟริกัน ที่เพิ่งได้รับแจ้งว่าลูกชายของเธอสูญหายไปจากการเข้าร่วมสงครามในเวียดนาม ทั้ง 3 คนเหมือนมีชีวิตที่ไม่ต่างจากเรือที่อับปาง และต้องอยู่ร่วมกันในวันคริสต์มาส แถมยังต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ต้องช่วยเหลือกันและกัน และนั่นก็ทำให้พวกเขาเข้าใจความหมายของคำว่าครอบครัวมากขึ้น
- รับชมได้ทาง Apple TV+, Prime Video, YouTube Movies และกลับมาฉายในโรงภาพยนตร์ House Samyan
5. Killers of the Flower Moon
เข้าชิงทั้งหมด 10 สาขา ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (ลิลี แกลดสโตน), ผู้กำกับยอดเยี่ยม (มาร์ติน สกอร์เซซี), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (โรเบิร์ต เดอ นีโร), ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม
โดย Killers of the Flower Moon หนังสร้างจากเรื่องจริง บอกเล่าเรื่องราวผ่าน เออร์เนสต์ เบิร์คฮาร์ท (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) และ มอลลี ไคล์ (ลิลี แกลดสโตน) กับเรื่องราวรักแท้ที่ต้องเผชิญกับการทรยศหักหลัง พร้อมลุ้นระทึกไปกับการสืบสวนคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน
- รับชมได้ใน Apple TV+ และกลับเข้ามาฉายใหม่ในโรงภาพยนตร์
6. Maestro
เข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (แบรดลีย์ คูเปอร์), นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (แครี่ มัลลิแกน), ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และแต่งหน้า-ทำผมยอดเยี่ยม
มาเอสโตร (Maestro) เล่าเรื่องราวความรักที่ทั้งทรหดและห้าวหาญในความสัมพันธ์อันยาวนานตราบชั่วชีวิตของ เลนเนิร์ด เบิร์นสไตน์ ชายที่มีความรักในเสียงดนตรี กับ เฟลิเซีย มอนเตอาเลเกร โคห์น เบิร์นสไตน์ ภรรยาผู้สนับสนุนทุกย่างก้าว พร้อมทั้งเป็นจดหมายรักถึงชีวิตและงานศิลปะ แต่เหนือสิ่งอื่นใด Maestro คือเรื่องราวของครอบครัวและความรักที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยิ่งใหญ่และลึกซึ้งถึงอารมณ์
- รับชมได้ใน Netflix
7. Oppenheimer
Oppenheimer กวาดออสการ์ 7 สาขา จากการเข้าชิง 13 สาขา ทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (คิลเลียน เมอร์ฟีย์), ผู้กำกับยอดเยี่ยม (คริสโตเฟอร์ โนแลน), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์), ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
โดย Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ จะพาผู้ชมไปย้อนประวัติศาสตร์ของระเบิดปรมาณู เรื่องราวของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (Cillian Murphy) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน นำทีมวิจัยโครงการแมนฮัตตัน โปรเจกต์ การสร้างอาวุธระเบิดปรมาณูที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จเป็นคนแรกของโลก ซึ่งกลายมาเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์โลกจนถึงทุกวันนี้
8. Past Lives
เข้าชิงทั้งหมด 2 สาขา ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
โดย Past Lives ครั้งหนึ่ง ซึ่งคิดถึงตลอดไป หนังแนวโรแมนติก-ดราม่า บอกเล่าเรื่องราวของ นอร่า (เกรต้า ลี) กับ แฮซอง (ยูแทโอ) ที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันในวัยเด็ก แต่มีเหตุให้ทั้งสองต้องแยกกัน เพราะครอบครัวของนอร่าอพยพไปอยู่ที่นิวยอร์ก จนเวลาผ่านไป 20 ปี พวกเขาทั้งสองได้มีโอกาสมาเจอกันอีกครั้ง และต้องใช้เวลา 1 สัปดาห์ด้วยกัน ซึ่งเขาและเธอจะต้องเผชิญกับโชคชะตา ความรัก และทางเลือกที่เคยตัดสินใจในชีวิตที่ผ่านมา บทสรุปความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามกัน
- รับชมได้ใน Apple TV+, Prime Video, Google Play และกลับเข้ามาฉายใหม่ในโรงภาพยนตร์
9. Poor Things
คว้าไปทั้งหมด 4 สาขาจากการเข้าชิง 11 สาขา ประกอบด้วย นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Emma Stone), ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม และออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม
หนัง Poor Things ว่าด้วยเรื่องราวของ เบลลา แบ็กซ์เตอร์ หญิงสาวที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาโดยนักวิทยาศาสตร์สมองเปรื่อง นามว่า ดร.กูดวิน แบ็กซ์เตอร์ ภายใต้การดูแลของ ดร.กูดวิน เบลลากระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ และกระหายใคร่รู้ในเรื่องราวต่าง ๆ นั่นเป็นเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจหนีตามไปกับ ดันแคน เวดเดอร์เบิร์น ทนายหนุ่มเจ้าเล่ห์ เพื่อออกผจญภัยไปยังโลกภายนอก เพื่อยืนหยัดในความเท่าเทียมและเสรีภาพที่พึงมี
- รับชมได้ในโรงภาพยนตร์
10. The Zone of Interest
เข้าชิงทั้งหมด 5 สาขา ประกอบด้วย ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม (โจนาธาน เกลเซอร์), ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และลำดับเสียงยอดเยี่ยม โดยสามารถคว้ารางวัล 2 สาขา จาก ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม และลำดับเสียงยอดเยี่ยม
หนัง The Zone Of Interest บอกเล่าเรื่องราวของรูดอล์ฟ ฮอสส์ ผู้บัญชาการค่าย Auschwitz ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กับ เฮดวิก ภรรยาของเขา ที่ตั้งใจและมุ่งมั่นสร้างวิมานในฝันให้กับครอบครัว ด้วยบ้านและสวนอันอบอุ่นข้าง ๆ ค่าย Auschwitz สถานที่กักกันชาวยิวอันแสนโหดร้าย
- เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 7 มีนาคม 2024
บทความน่าสนใจที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซต์ MGM Studios, เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ Anatomy of a Fall, Warner Bros. Pictures, เว็บไซต์ Miramax, เฟซบุ๊ก United International Pictures Thailand, เฟซบุ๊ก Netflix, เฟซบุ๊ก GDH, เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ Poor Things, เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ The Zone of Interest
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก MGM Studios, อินสตราแกรม Picturehouse, เฟซบุ๊ก Warner Bros. Pictures, เฟซบุ๊ก Miramax, เฟซบุ๊ก United International Pictures Thailand, เฟซบุ๊ก Netfli, เฟซบุ๊ก GDH, เฟซบุ๊ก Poor Things, เฟซบุ๊ก The Zone Of Interest, เฟซบุ๊ก A24