1. Black Panther กำหนดฉาย 15 กุมภาพันธ์ 2018
เป็นหนังแฟนตาซีที่สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนชื่อดัง ซึ่งแปลเป็ชื่อภาษาไทยว่า ย่นเวลาทะลุมิติ เล่าถึงการเดินทางสุดอัศจรรย์ของเด็กสาวรายหนึ่งพร้อมเพื่อนๆในชั้นเรียนเพื่อตามหาพ่อที่หายตัวไป โดยพวกเขาได้รับความช่วยเหลือจาก 3 ภูติวิเศษอย่าง มิสซิสวอทส์อิท, มิสซิสฮู และมิสซิสวิช
3. Avengers: Infinity War กำหนดฉาย 4 พฤษภาคม 2018
ตามมาติดๆกับ Avengers: Infinity War ของจักรวาลมาร์เวลเรื่องที่ 2 ของปี 2018 โดยเนื้อเรื่องจะอิงจากคอมิค World War Hulk ซึ่งเดอะฮัคจะต้องต่อสู้กับเหล่าฮีโร่ของจักรวาลมาร์เวลเอง เรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของ Infinity War เล่าถึงเรื่องของ Infinity Stone ซึ่งจะปูทางไปสู่ Avengers อีกสามภาค
4. Solo: A Star Wars Story กำหนดฉาย 25 พฤษภาคม 2018
เป็นภาคแยกของ Star wars ซึ่งจะเล่าเรื่องของ ฮาน โซโลตอนยังหนุ่มและเส้นทางสู่การเป็นโจรลักลอบขายสินค้าก่อนที่จะเจอกับ ลุค สไกวอร์คเกอร์ และโอบีวัน เคโนบิ ที่บาร์เซนตินาในเมืองมอสอิสลีย์ บนดาวแททูอิน
5. The Incredibles 2 กำหนดฉาย 15 มิถุนายน 2018
หลังจากสร้างความสำเร็จอันน่าพึงพอใจให้กับค่าย Pixar กวาดรายได้จากทั่วโลกกว่า 631.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2004 อนิเมชั่นอย่าง The Incredibles ก็ได้เวลากลับมาอีกครั้งซึ่งกำกับและเขียนบทโดยผู้กำกับ แบรด เบิร์ด (Brad Bird) เป็นเรื่องของสมาชิกของครอบครัวหนึ่งที่มีพลังวิเศษ มีเรื่องน่ารักชุลมุนเหมือนครอบครัวอื่นๆเพิ่มเติมคือพวกเขาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ซึ่งเนื้อเรื่องภาคสองจะเป็นเหตุการณ์ที่ต่อมาจากภาคแรกโดยตรง พวกเขาย้ายไปอยู่บ้านที่ดีขึ้น สะดวกสบายมากขึ้นข้าง ๆ ป่าอันเขียวชอุ่ม
6. Ant-Man and the Wasp กำหนดฉาย 6 กรกฎาคม 2018
โดยในภาคนี้จะเป็นเรื่องราวช่วงหลังจบศึก Civil War แต่เกิดขึ้นก่อน Infinity War โดยที่สก็อตต์ แลง (พอล รัดด์) จะต้องรับหน้าที่เป็นทั้งคุณพ่อและซูเปอร์ฮีโร่ในเวลาเดียวกัน เขาพยายามที่จะให้ความสำคัญทั้งในชีวิตปกติและในฐานะที่เขามีความรับผิดชอบเป็นแอนท์แมน เขาจะต้องร่วมมือกับ โฮป แวน ไดน์ (อีวานเจลีน ลิลลี) และ ดร.แฮงค์ พิม (ไมเคิล ดักลาส) เพื่อปฏิบัติภารกิจใหม่ สก็อตเองต้องหยิบชุดแอนท์แมนออกมาและเรียนรู้ที่จะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ เดอะแวสป์ (The Wasp) เพื่อค้นหาความลับจากอดีต
ความสำเร็จของการทำหนังไลฟ์-แอ็คชั่นเรื่อง Cinderella ที่ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ดิสนีย์จึงนำการ์ตูนเรื่องอื่นมาสร้างเป็นหนังไลฟ์-แอ็คชั่นอีก ซึ่งเรื่องต่อมาคือ Mulan สำหรับเนื้อหาของ Mulan ในแอนิเมชั่นปี 1998 เล่าเรื่องราวของ มู่หลาน หญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อทำหน้าที่แทนพ่อในสนามรบ ซึ่งความกล้าหาญทำให้เธอถูกยกย่องว่าเป็นวีรสตรีคนสำคัญของประเทศจีน
8. The Nutcracker and the Four Realms กำหนดฉาย 2 พฤศจิกายน 2018
The Nutcracker and the Four Realms ดัดแปลงจากนิยาย The Nutcracker and the Mouse King เมื่อปี 1816 ของนักเขียน อี.ที.เอ. ฮอฟฟ์แมนน์ (E.T.A. Hoffmann) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กสาวอย่าง คลาร่า ที่ต้องดูแลตุ๊กตานัทแครกเกอร์ตามคำสั่งของพ่อแม่ในช่วงคริสมาสต์ แต่ตุ๊กตาตัวนั้นกลับมีชีวิตขึ้นมาต่อสู้กับปีศาจร้ายอย่างราชาหนู หนังได้สาวน้อยมากความสามารถวัย 15 ปี แม็คเคนซี่ ฟอย (Mackenzie Foy) มารับบท คลาร่า
9. Ralph Breaks The Internet: Wreck-It Ralph 2 กำหนดฉาย 21 พฤศจิกายน 2018
หลังจากภาคแรก Wreck-It Ralph กวารายได้จากทั่วโลกไปกว่า 471 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Disney ก็ทำภาคสองออกมาให้ได้ดูกันแล้ว โดยเรื่องราวจะเกิดขึ้นหลังจากภาคแรก 6 ปี ซึ่งสองตัวละครนำอย่าง ราล์ฟ และสาวน้อย วาเนลโลเป้ จะออกผจญภัยทั่วทั้งโลกอินเทอร์เน็ต หลังจากที่ตู้เกมอาร์เคดของพวกเขาเชื่อมต่อกับเราเตอร์ Wi-Fi โดยหนังได้ผู้กำกับจากภาคแรกอย่าง ริช มัวร์ (Rich Moore) กลับมานั่งแท่นผู้กำกับร่วมกับ ฟิล จอห์นสตัน (Phil Johnston)
10. Mary Poppins Returns กำหนดฉาย 21 ธันวาคม 2018
ปิดท้ายปี 2018 ด้วยเรื่องราวของ Mary Poppins ฉบับปี 2018 เกิดขึ้นในช่วงที่สองพี่น้อง เจน และไมเคิล แบงค์ส เติบโตเป็นผู้ใหญ่ โดยพวกเขาพร้อมด้วยลูกอีก 2 คนของไมเคิล เดินทางกลับไปเยี่ยม แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ หลังจากแต่ละคนต่างประสบปัญหาในชีวิตของตัวเอง ซึ่งคราวนี้ แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ต้องร่วมมือกับเพื่อนใหม่อย่าง แจ็ค หาทางช่วยให้พวกเขาค้นพบความสุขที่หายไป
หนังของ Disney ที่จะเข้าฉายในปี 2017 ยังเหลือ Thor: Ragnarok และ Star Wars: The Last Jedi ซึ่งแฟนคลับ Disney พลาดไม่ได้เลยทีเดียว ต่อด้วยปี 2018 ที่ Disney จองคิวเข้าฉายถึง 10 เรื่องด้วยกันเช็ครายชื่อแล้วชอบเรื่องไหนก็เตรียมเก็บเงินไว้รอกันได้เลย
ภาพจาก D23.com