ซีรีส์ต่างประเทศ
ดูกันยาว ๆ ในช่วงวันหยุด
1. The Walking Dead
หนึ่งในซีรีส์ระดับตำนานที่ห้ามพลาด กับพล็อตเรื่องซอมบี้ดราม่า-สยองขวัญที่กินระยะเวลายาวนานมาตั้งแต่ปี 2010 และขมวดปมทั้ง 11 ซีซั่น จนสรุปอวสานไปเรียบร้อยในปี 2022 เรื่องราวของนายตำรวจหนุ่ม ริค ไกรมส์ ที่ถูกคนร้ายยิงตอนที่ออกปฏิบัติหน้าที่จนบาดเจ็บโคม่า เขาถูกนำตัวส่งเข้ารักษาในโรงพยาบาลประจำเมืองและนอนสลบไม่ได้สติกว่า 2 เดือน วันหนึ่งเขาฟื้นขึ้นมาและพบว่าโลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อผู้คนมากมายกลายร่างเป็นศพเดินได้ หรือ วอล์กเกอร์ (Walker) ริคจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาครอบครัว และเผชิญกับการต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนพบกับผู้รอดชีวิตตามทางที่มารวมกลุ่มกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งและดำรงชีวิตต่อไปในวันที่สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างถูกทำลาย และป้องกันอันตรายทั้งจากซอมบี้ที่ดุร้ายและกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มอื่น ๆ ในที่สุดแล้วมนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรท่ามกลางคนตายที่พร้อมจะฆ่าคุณทุกเมื่อ และคนเป็นที่เห็นแก่ตัวและกระหายในผลประโยชน์ที่จ้องจะปลิดชีพคุณตลอดเวลา
-
จำนวนซีซั่น : 11 ซีซั่น
-
ช่องทางการรับชม : Disney+ Hotstar
2. Game of Thrones มหาศึกชิงบัลลังก์
ซีรีส์ฝรั่งดราม่ายอดนิยมสร้างจากนวนิยายแฟนตาซีชุดขายดีเรื่อง A Song of Ice and Fire ของ George RR Martin เรื่องราวของอาณาจักรทั้งเจ็ดแห่งทวีปเวสเทรอส ซึ่งมีฤดูร้อนยาวนานหลายทศวรรษ และฤดูหนาวอาจยาวนานจนชั่วชีวิต เล่าเรื่องราวความขัดแย้งของสมาชิกครอบครัวชนชั้นสูงในจักรวรรดิต่าง ๆ และการแย่งชิงครองบัลลังก์เหล็ก ผ่านเครือข่ายทางการเมืองระหว่างตระกูลขุนนางทั้ง 9 ตระกูล นอกจากความขัดแย้งภายในอาณาจักรแล้ว ยังมีภัยคุกคามจากกองทัพ White Walker ในดินแดนตอนเหนือสุดของเวสเทรอสที่พร้อมปะทุขึ้นตลอดเวลาด้วย
นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ Spin-Off ที่แยกออกมาจากเนื้อเรื่องหลักอย่าง House of the Dragon เรื่องราวของตระกูล “แม่มังกร” ทาร์แกเรียน ที่สง่างามและเต็มไปด้วยพลังอำนาจ ซึ่งกำลังมีคิวออนแอร์ซีซั่น 2 ในเดือนมิถุนายน 2024 ด้วย
-
จำนวนซีซั่น : 8 ซีซั่น
- ช่องทางการรับชม : HBO GO
3. Peaky Blinders
ซีรีส์ฝั่งอังกฤษที่มีความดาร์กดิบเถื่อน เป็นซีรีส์แนวพีเรียดย้อนยุคนิด ๆ แฝงดราม่าหน่อย ๆ เรื่องราวของ แก๊งอันธพาลแห่งเมืองเบอร์มิงแฮม หรือครอบครัวเชลบี้ (Shelby) ผู้ทรงอิทธิพลในเบอร์มิงแฮม ที่ผู้คนเกรงกลัวและสาปส่ง เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1919 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อทอมมี่และพี่น้องตระกูลเชลบี้กลับมาจากสงคราม พวกเขากลายเป็นกลุ่มคนอันตรายที่ไม่กลัวใคร และต้องการครองความเป็นใหญ่ในเมืองไว้แต่เพียงผู้เดียว เขาต้องการขยายธุรกิจและไม่คิดลังเลที่จะปะทะกับคนที่มีอำนาจกว่า ทอมมี่และพี่น้องกลายเป็นกลุ่มแก๊งอันธพาลที่ติดใบมีดโกนไว้บริเวณหมวกพีคกี้ เวลาสู้จะถอดหมวกที่มีใบมีดออกมาฟาดหรือปาด จนในที่สุดเขาก็พาแก๊งไปสู่อำนาจและเงินทองมากมาย แต่เส้นทางแห่งความทะเยอทะยานไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและการสูญเสียที่ถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ
-
จำนวนซีซั่น : 6 ซีซั่น
- ช่องทางการรับชม : Netflix
4. Lost อสุรกายดงดิบ
ซีรีส์อเมริกันแนวดราม่า ผจญภัย วิทยาศาสตร์ ที่ได้รับการวิจารณ์ว่าเป็นซีรีส์ที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล เพราะแม้จะมีการฉายครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 แต่เมื่อนำกลับมาดูใหม่อีกครั้งก็ยังน่าติดตามและดูได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่อเลย โดยเรื่องราวจะกล่าวถึงกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินที่ตกในเกาะลึกลับแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ ซึ่งในแต่ละตอนจะมีเนื้อหาหลักเป็นเรื่องบนเกาะ ผ่านการเล่าเรื่องที่มีมิติ แฝงไปด้วยเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ ปรัชญา ศาสนา และวิทยาศาสตร์ ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ซีรีส์เรื่องนี้กลับผสมผสานและถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังสอดแทรกไปด้วยเรื่องราวชีวิตของตัวละครแต่ละคนที่ต่างคนต่างมีเรื่องราวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอดีตที่อยากจะทิ้งไว้ข้างหลัง หรือคนที่อยากจะปกป้อง ทำให้ระหว่างการชมซีรีส์เรื่องนี้ ผู้ชมจะตื่นตาตื่นใจไปกับความสวยงามของตัวละครและฉากหลังที่ให้ความรู้สึกสมจริงอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
-
จำนวนซีซั่น : 6 ซีซั่น
-
ช่องทางการรับชม : Prime Video, Disney+ Hotstar
5. How to Get Away with Murder ก๊วนแสบอำพรางศพ
-
จำนวนซีซั่น : 6 ซีซั่น
- ช่องทางการรับชม : Netflix
6. The Crown
ซีรีส์ชีวประวัติของ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 (Queen Elizabeth II) ที่สร้างและเขียนบทโดย ปีเตอร์ มอร์แกน (Peter Morgan) เปิดซีซั่นแรกด้วยเรื่องราวในยุค 1940s เล่าประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั้งในรั้วพระราชวังและการเมืองหลายยุคสมัย ล่าสุดซีรีส์ยอดนิยมเรื่องนี้เดินทางมาถึงซีซั่นที่ 5 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้าย ว่าด้วยโศกนาฏกรรมการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานาในปี 1997 รวมถึงจุดเริ่มต้นความรักของเจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตัน เมื่อครั้งทั้งสองเป็นนักศึกษาอยู่ที่ St. Andrews University ซึ่งทั้ง 5 ซีซั่นล้วนเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครหลักอย่างควีนเอลิซาเบธที่ 2 ให้เข้าใจง่าย ๆ และแม้จะเป็นซีรีส์แนวชีวประวัติของบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง แต่ก็มีการใส่รายละเอียดเพิ่มอรรถรสให้ผู้ชมได้สนุกยิ่งขึ้นในแง่ศาสตร์และศิลป์แห่งความเป็นละครซีรีส์ด้วย
-
จำนวนซีซั่น : 6 ซีซั่น
-
ช่องทางการรับชม : Netflix
7. Money Heist ทรชนคนปล้นโลก
หรือในชื่อสเปนว่า La Casa de Papel แผนปล้นอัจฉริยะที่มาพร้อมความลึกลับ ซีรีส์สัญชาติสเปน แนวอาชญากรรมการปล้น เรื่องราวของหัวขโมยทั้ง 8 คนที่จับตัวประกันมากมายและขังตัวเองไว้ในโรงกษาปณ์แห่งสเปน ระหว่างนั้นผู้บงการเริ่มปั่นหัวตำรวจเพื่อทำตามแผนการอันแยบยล เพราะเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่เงินในกองคลัง แต่เป็นการพิมพ์เงินออกมาได้ตามที่ต้องการมากกว่า ซึ่งพวกเขาจะต้องยื้อ “เวลา” ให้ได้อยู่ในโรงกษาปณ์นานที่สุด
เดิมทีซีรีส์เรื่องนี้มีแผนจะผลิตเพียงแค่ 2 ซีซั่นเท่านั้น แต่จากกระแสในโลกออนไลน์หลังจากที่ Netflix ได้ลิขสิทธิ์การฉายอย่างถูกต้อง และขึ้นแท่นเป็นซีรีสที่มีคนดูทั่วโลกสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้ผู้สร้างได้ไฟเขียวในการสร้างต่อจนถึงซีซั่น 5 รวมถึงยังมีภาค Spin-Off แยกออกมาจากเนื้อเรื่องหลัก เป็นเรื่องราวของ เบอร์ลิน (Berlin) ตัวละครหลักของเรื่อง รวมถึงยังมีการรีเมกในเวอร์ชั่นเกาหลีชื่อ Money Heist: Korea - Joint Economic Area ทรชนคนปล้นโลก: เกาหลีเดือด อีกด้วย
-
จำนวนซีซั่น : 5 ซีซั่น
- ช่องทางการรับชม : Netflix
8. Stranger Things
เอาใจสายแฟนตาซีกันบ้างกับซีรีส์ฝรั่งแนวลึกลับระทึกขวัญเหนือธรรมชาติ เรื่องราวในเมืองฮอว์กินส์ รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา วันหนึ่งมีเด็กชายคนหนึ่งหายตัวไปโดยไร้ร่องรอย แม่ของเขาจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานท้องถิ่นให้ช่วยตามหา และเพื่อน ๆ ในกลุ่มเด็กชายก็ช่วยกันออกตามหาด้วย จนกระทั่งได้พบว่าการหายตัวไปของเด็กคนนี้เหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองลึกลับบางอย่างของทางรัฐบาลกับพลังเหนือธรรมชาติ เพื่อสร้างอาวุธที่สามารถหยั่งรู้ได้เกินมนุษย์ แต่การทดลองกลับไม่เป็นไปตามคาด เพราะมันกลับปลดปล่อยอะไรที่มนุษย์นั้นยากจะทำความเข้าใจออกมาสร้างความโกลาหลให้กับโลกมนุษย์ จนเกิดเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยากเกินจะรับมือ
หลังจากที่สร้างความตื่นเต้นและเรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าแฟน ๆ ซีรีส์มาแล้วถึง 4 ซีซั่น ล่าสุดเมื่อต้นปี 2024 มีความเคลื่อนไหวว่า Stranger Things 5 กำลังอยู่ในระหว่างการถ่ายทำ และมีแพลนที่จะปล่อยออกมาให้แฟน ๆ ได้ชมกันในช่วงปลายปี 2024 หรือช่วงต้นปี 2025 ซึ่งในระหว่างนี้อาจจะมีตัวอย่างหรือคอนเทนต์เรียกน้ำย่อยมาให้แฟน ๆ ได้ชมกันอย่างแน่นอน ต้องรอติดตามชมกันต่อไป
-
จำนวนซีซั่น : 4 ซีซั่น (ซีซั่น 5 กำลังถ่ายทำ)
- ช่องทางการรับชม : Netflix
9. Voice ล่าเสียงมรณะ
ซีรีส์เกาหลีแนวฆาตกรรม สืบสวนสอบสวน สุดระทึกขวัญ ที่จะทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกไปกับการช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้าย และการตามล่าหาตัวฆาตกรจากเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน เรื่องราวของ มูจินยุค หรือ หมาบ้า ตำรวจสายสืบฝีมือดี แต่มีปมเรื่องการสูญเสียภรรยาไปในเหตุการณ์ฆาตกรรม กระทั่งทางการจับตัวผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมภรรยาของเขาได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถตัดสินความผิดได้ เพราะมีพยานยืนยันว่า “เสียง” ที่ได้ยินในคืนวันเกิดเหตุไม่ใช่เสียงของชายผู้ต้องสงสัย ต่อมา มูจินยุค ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมภาคสนามของหน่วยปฏิบัติการพิเศษในชื่อ Golden Time Team หรือหน่วยที่จะต้องทำหน้าที่เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุและช่วยเหลือเหยื่อให้สำเร็จภายในเวลาจำกัด เขาจึงต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยผู้เคราะห์ร้ายในแต่ละคดีไปพร้อม ๆ กับการตามสืบหาคนร้ายที่ฆ่าภรรยาของเขาด้วย
จากการตอบรับที่ยอดเยี่ยมของคอซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน ทำให้มีการสร้าง Voice ล่าเสียงมรณะ ในเวอร์ชั่นไทยขึ้น โดยได้ แอนดริว เกร้กสัน รับบทเป็น หมวดอารัญ และ แพนเค้ก เขมนิจ รับบทเป็น ไอริน ซึ่งเนื้อเรื่องทั้งหมดเรียกว่าถอดมาจากเวอร์ชั่นเกาหลีแบบไม่มีผิดเพี้ยนเลยทีเดียว
-
จำนวนซีซั่น : 4 ซีซั่น
-
ช่องทางการรับชม : iQIYI, MonoMax, Prime Video, VIU, WeTV
10. Sex Education เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก)
ซีรีส์สัญชาติอังกฤษของ Netflix ที่ปลุกกระแสการตื่นรู้เรื่องเพศศึกษา และเปิดตำราสอนวิชาเซ็กส์หลังเลิกเรียนให้กับวัยว้าวุ่น เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของนักเรียน เจ้าหน้าที่ และผู้ปกครองของโรงเรียนมัธยมมัวร์เดลที่สมมติขึ้น ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องเซ็กส์เท่านั้น แต่ยังหยิบยกประเด็นความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน และการยอมรับในความหลากหลายทางเพศ ผ่านตัวละครที่เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านช่วงวัย (Coming of Age) มาตีความให้เห็นภาพ พร้อมทั้งเปิดประสบการณ์เรื่องราวปัญหาส่วนบุคคลต่าง ๆ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์ด้วย
-
จำนวนซีซั่น : 4 ซีซั่น
-
ช่องทางการรับชม : Netflix
11. You
ออริจินัลซีรีส์แนวระทึกขวัญจาก Netflix ดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีชื่อเดียวกัน ผลงานของแคโรไลน์ เคปเนส (Caroline Kepnes) ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับ โจ โกลด์เบิร์ก ชายหนุ่มชาวนิวยอร์กที่ทำงานเป็นผู้จัดการร้านหนังสือ และตกหลุมรัก กวิเนเวียร์ เบ็ก หญิงสาวที่เข้ามาเลือกซื้อหนังสือที่ร้าน เขาหมกมุ่นและหลงใหลในตัวเธออย่างมาก จนถึงขั้นเป็นสตอล์กเกอร์ติดตามเบ็กทุกการกระทำ ทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าไปมีส่วนในชีวิตของเธอ รวมถึงกำจัดทุกเสี้ยนหนามที่จะเข้ามาขัดขวางความรักของเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งการฆ่าคน
-
จำนวนซีซั่น : 4 ซีซั่น (ซีซั่น 5 ซีซั่นสุดท้าย กำลังถ่ายทำ)
- ช่องทางการรับชม : Netflix
12. Reply ย้อนวันรัก
ผลงานชิ้นโบแดงของผู้กำกับ ชินวอนโฮ และนักเขียนบท อีอูจอง กับซีรีส์ตระกูล Reply ประกอบไปด้วย Reply 1997 ออกอากาศในปี 2012, Reply 1994 ออกอากาศในปี 2013 และ Reply 1988 ออกอากาศในปี 2015 โดยแต่ละตอนไม่มีเนื้อหาเชื่อมโยงกัน แต่นำเสนอเรื่องราวของมิตรภาพ ความรัก ชีวิต ที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความประทับใจ ท่ามกลางบรรยากาศเรโทรในยุค 90 และ 80 เหมือนกัน
ซึ่งซีซั่นที่แฟน ๆ ซีรีส์เกาหลีคุ้นเคยกันดีน่าจะเป็น Reply 1988 เรื่องราวของกลุ่มเด็ก 5 คนที่อาศัยอยู่ในละแวกซังมุนดง ที่มี จองฮวัน (รยูจุนยอล) เด็กที่มาจากบ้านเศรษฐี, ซอนอู (โกคยองพโย) นักเรียนตัวอย่างผู้สุภาพเรียบร้อย, ดงรยง (อีดงฮวี) ชายผู้รักความสนุกสนาน, แทค (พัคโบกอม) นักเล่นพาดุกมืออาชีพ และ ด็อกซอน (ฮเยริ) เด็กสาวคนเดียวในกลุ่ม ทั้งหมดเป็นเพื่อนรักที่เติบโตมาด้วยกันในปี 1988 ที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย และจะมีผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนี้ที่กลายเป็นสามีในอนาคตของด็อกซอน
13. Alice in Borderland อลิซในแดนมรณะ
ผลงานซีรีส์จาก Netflix ซีรีส์ระทึกขวัญระดับฮอลลีวูด แนวเอาชีวิตรอดจากเกมมรณะสุดโหด สร้างจากมังงะของ Haro Aso เรื่องราวของ อะริสุ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์อุกกาบาตตกบริเวณชิบูยา ใจกลางเมืองโตเกียว จนทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้าง ไม่มีไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ใช้งานไม่ได้ เขาและผู้รอดชีวิตคนอื่นต้องเข้าร่วมเล่นเกมบางอย่างที่มีเดิมพันด้วยชีวิต หากเล่นชนะก็จะได้รับโอกาสในการมีชีวิตรอดอยู่ต่อ แต่ถ้าแพ้นั่นหมายถึง ตาย !
-
จำนวนซีซั่น : 2 ซีซั่น (กำลังจะมีซีซั่น 3 เร็ว ๆ นี้)
- ช่องทางการรับชม : Netflix
14. Emily in Paris เอมิลี่ในปารีส
ซีรีส์เบาสมองที่นำเสนอความสวยงามของเมืองปารีส แฟชั่นที่สดใสโดดเด่น และความแซ่บของหนุ่มสาวปารีเซียง ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเซ็กซี่ และไม่ได้ยึดติดกับความสัมพันธ์แบบรักเดียวใจเดียวเท่าไรนัก เรื่องราวของ เอมิลี่ คูเปอร์ ผู้บริหารฝ่ายการตลาดชาวอเมริกันที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน เธอส้มหล่นได้โอกาสไปร่วมงานกับบริษัทการตลาดที่ปารีส เพื่อเสนอมุมมองแบบอเมริกันให้กับบริษัทการตลาดในฝรั่งเศส ด้วยความไม่พร้อมต่าง ๆ เอมิลี่ต้องมาเจอกับคัลเจอร์ช็อกและติดอยู่ในวังวนความรักวุ่น ๆ ของหนุ่มสาวเมืองน้ำหอมแห่งนี้
-
จำนวนซีซั่น : 3 ซีซั่น (กำลังจะมีซีซั่น 4 เร็ว ๆ นี้)
- ช่องทางการรับชม : Netflix
15. The Last of Us
ซีรีส์ฝรั่งแนววันสิ้นโลกที่ถ่ายทอดประเด็นสังคมต่าง ๆ ในปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ เป็นเรื่องราวดัดแปลงจากวิดีโอเกมยอดฮิตเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดบนโลกที่ล่มสลายและเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ เหตุการณ์เกิดขึ้น 20 ปีให้หลังการแพร่ระบาดของเชื้อรามรณะที่ทำให้มนุษย์กลายพันธุ์เป็นซอมบี้ โลกล่มสลายโดยสมบูรณ์ แต่กระนั้นก็ยังมีผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่ พวกเขาเหล่านั้นต้องหาทางรอดเพื่อดำรงชีวิตต่อ
The Last of Us ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ได้รับคะแนนรีวิวจากนักวิจารณ์บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes อย่างล้นหลาม นอกจากความลุ้นระทึกที่สัมผัสได้ตลอดการเดินทางอันโหดร้ายของ Joel (รับบทโดย Pedro Pascal) และ Ellie (รับบทโดย Bella Ramsey) ตัวซีรีส์ยังเล่นกับความรู้สึกคนดูด้วยการชูประเด็นความสัมพันธ์ในหลากหลายมิติของตัวละครที่เกิดขึ้นท่ามกลางสภาวะกดดันในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย
-
จำนวนซีซั่น : 1 (กำลังจะมีซีซั่น 2 เร็ว ๆ นี้)
- ช่องทางการรับชม : HBO GO
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Walking Dead, เฟซบุ๊ก Game of Thrones, เฟซบุ๊ก Peaky Blinders, เฟซบุ๊ก Lost, เฟซบุ๊ก How to Get Away With Murder, เฟซบุ๊ก The Crown, เฟซบุ๊ก Netflix, เฟซบุ๊ก Stranger Things, เฟซบุ๊ก Viu Thailand, เฟซบุ๊ก You, เฟซบุ๊ก The Last of Us