Jurassic World: Rebirth จะพาเรากลับไปพบกับเหล่าไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งที่คุ้นตากันดีและสายพันธุ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น
Jurassic World: Rebirth เตรียมพาเราดำดิ่งสู่โลกไดโนเสาร์สุดระทึกอีกครั้ง ! ครั้งนี้ 'ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป' เช่นเดียวกับเรื่องราวของโลกจูราสสิคที่เดินหน้าสู่เส้นทางใหม่ เมื่อไดโนเสาร์คือความหวังสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ บทความนี้จะพาทุกคนไปส่องหน้าตาของเหล่าไดโนเสาร์ทั้งตัวโปรดที่กลับมาและสายพันธุ์ใหม่สุดอลังการ ที่จะมาพลิกชะตากรรมของมนุษย์
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก United International Pictures Thailand
โดยไดโนเสาร์ที่ได้รับการยืนยันว่าจะปรากฏตัว ได้แก่ Tyrannosaurus Rex, Velociraptor, Dilophosaurus, Spinosaurus, Mosasaurus, Quetzalcoatlus และ Titanosaurus นอกจากนี้ยังมีไดโนเสาร์กลายพันธุ์ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Distortus Rex (D-Rex) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกปฏิเสธจากห้องทดลอง ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าหวาดกลัวและยังเป็นศัตรูตัวฉกาจอีกด้วย
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
หนังยังนำเสนอไดโนเสาร์ลูกผสมอื่น ๆ เช่น Mutadon พร้อมสำรวจแนวคิดการใช้ DNA ของไดโนเสาร์เพื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์อีกด้วย และไดโนเสาร์อื่น ๆ อย่าง Ankylosaurus, Carnotaurus, Compsognathus และ Parasaurolophus ก็จะปรากฏตัวด้วยเช่นกัน ส่วนหน้าตาเป็นอย่างไรบ้างนั้น กระปุกดอทคอมได้รวบรวมข้อมูลบางส่วนจากเว็บไซต์ Screen Rant และเว็บไซต์ Superhero Toy Store มาฝากกันแล้ว บอกเลยว่าแฟนพันธุ์แท้โลกจูราสสิคไม่ควรพลาด
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก United International Pictures Thailand
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก United International Pictures Thailand
Jurassic World Rebirth
ไดโนเสาร์ที่เปิดตัวในหนังภาคล่าสุด
1. ไททันโนซอรัส (Titanosaurus)
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
ไททันโนซอรัส ไดโนเสาร์กินพืชขนาดยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในแฟรนไชส์ Jurassic World และเป็น 1 ใน 2 สายพันธุ์ไททันโนซอรัสที่ปรากฏในเรื่อง (อีกตัวหนึ่งคือ Dreadnoughtus ที่มีขนาดใหญ่กว่า) โดดเด่นด้วยแผงสันหลังสีแดงและหางยาว ฉากที่ Titanosaurus เดินผ่านป่าและสะท้อนแสงแดดถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่แฟน ๆ ต้องตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการ
2. Distortus Rex (D-Rex)
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
D-Rex หรือ Distortus Rex ตัวร้ายหลักของภาคนี้ เป็นไดโนเสาร์ลูกผสมขนาดยักษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติของ Tyrannosaurus Rex และอาจใหญ่กว่าทั้ง Spinosaurus หรือแม้แต่ Giganotosaurus ด้วยซ้ำ จุดเด่นคือขนาดใหญ่ ทรงพลัง คล่องแคล่ว และมีความน่ากลัวแบบสัตว์ประหลาดในตำนาน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอาวุธชีวภาพโดยเฉพาะ
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
D-Rex เคลื่อนที่โดยใช้แขนขนาดใหญ่และขาหลัง ทำให้รูปร่างของมันดูคล้ายลิงยักษ์ที่มีท่าทางเดิน 4 ขาแบบไดโนเซฟาเลียน เช่น Moschops และไดโนเสาร์กลุ่ม Pareiasaur อย่าง Scutosaurus หัวของมันมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับตัว มีหน้าผากที่ขยายใหญ่คล้ายวาฬเบลูกา ปากเต็มไปด้วยฟันสั้นแต่แหลมคม และดวงตาขนาดเล็กมาก หางของมันก็ยาวพอสมควร ส่วนลำตัวมีลักษณะค่อมลงด้านหลัง
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
D-Rex คือสัตว์ประหลาดลูกผสมที่เกิดจากผลงานทดลองที่ผิดพลาด จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดสุดอันตรายและทรงพลังที่สุดใน Jurassic World Rebirth ที่จะเป็นคู่ปรับสำคัญของตัวละครหลักในเรื่อง
3. Aquilops
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
Aquilops ไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็กที่น่ารัก และเป็นหนึ่งในไดโนเสาร์กินพืชตัวเล็กที่สุดในแฟรนไชส์นี้ รูปร่างของมันคล้ายกับญาติใกล้ชิดอย่าง Microceratus แต่มีสีสันที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Aquilops มีโทนสีส้มสว่างพร้อมลายเส้นสีดำ และที่โดดเด่นคือมีเขาที่จมูก ในเรื่องนี้ Aquilops ตัวที่เราเห็นมีชื่อว่า "โดโลเรส" (Dolores) ซึ่งอาจยังเป็นเด็กหรือวัยรุ่น ทำให้ขนาดตัวเล็กกว่าตัวเต็มวัยจริง ๆ ที่ยังไม่เคยมีภาพหรือข้อมูลเผยแพร่ออกมา จึงยังไม่ทราบว่าตัวเต็มวัยของ Aquilops จะมีลักษณะหรือจุดเด่นอะไรที่แตกต่างจากญาติในมองโกเลียอย่าง Microceratus
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
4. Anurognathus
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World Alive
Anurognathus สัตว์เลื้อยคลานบินได้ขนาดเล็กในกลุ่มรามโฟรินโคอิด (Rhamphorhynchoid Pterosaur) ที่เพิ่งเปิดตัวในแฟรนไชส์นี้ ตัวเล็ก ปีกกว้าง บินว่องไว มีบทบาทในฉากไล่ล่าทางอากาศและสร้างสีสันให้กับฉากธรรมชาติ
5. Diabloceratops
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World Alive
Diabloceratops ไดโนเสาร์กลุ่มเซอราทอปเซียนอีกชนิดที่มีเขาคู่ยาวโค้งขึ้นบนหัว ดูดุดันและสง่างาม เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ใหม่ที่เปิดตัวในภาคนี้ และมีฉากต่อสู้กับไดโนเสาร์นักล่าด้วย
6. Mutadon
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
Mutadons (Mutant Raptors) ไดโนเสาร์กลายพันธุ์ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่รวมดีเอ็นเอของแรปเตอร์ และเทอโรซอร์ (ไดโนเสาร์บินได้) ทำให้พวกมันมีปีกและสามารถบินได้ เพิ่มความน่ากลัวและอันตรายกว่าทุกภาคที่ผ่านมา Mutadons เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ลูกผสมลึกลับที่ถูกเรียกว่า "การทดลองที่ล้มเหลว" (Failed Experiment) Mutadon มีรูปร่างผิดปกติ มีลักษณะกลายพันธุ์ เช่น ผิวหนังแปลกตา ฟันหรืออวัยวะที่ไม่สมส่วน เป็นไดโนเสาร์ที่น่าสงสารและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน แต่ความสามารถในการบินของ Mutadon รวมกับความฉลาดเป็นกรดจากดีเอ็นเอของแรปเตอร์ ทำให้มันกลายเป็นภัยคุกคามที่ยากจะจัดการ
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
การปรากฏตัวอีกครั้ง
ของไดโนเสาร์จากภาคก่อน ๆ
1. ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ (Tyrannosaurus Rex)
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ ราชาแห่งไดโนเสาร์กลับมาอีกครั้ง ! ในภาคนี้ T-Rex จะปรากฏตัวในรูปแบบใหม่ที่อลังการกว่าเดิม ทั้งรูปลักษณ์และพฤติกรรมที่ดุดันยิ่งขึ้น โดยหนังนำเสนอ T-Rex เวอร์ชั่นใหม่ที่อาศัยบนเกาะ Site C รวมถึงฉากที่ถูกตัดออกไปจากภาพยนตร์ต้นฉบับ โดย T-Rex จะไล่ล่าตัวละครหลักไปตามลำน้ำในฉากที่คล้ายกับที่ปรากฏในนวนิยายของ ไมเคิล ไครช์ตัน ฉากนี้ช่วยย้ำให้เห็นว่า T-Rex ยังคงเป็นนักล่าที่น่ากลัวและอันตรายสำหรับมนุษย์อย่างแท้จริง
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
อย่างไรก็ตาม T-Rex ตัวนี้ไม่ใช่ Rexy ไดโนเสาร์ T-Rex ตัวดั้งเดิมของแฟรนไชส์ที่แฟน ๆ รู้จักดี ซึ่งปรากฏตัวครั้งสุดท้ายใน Jurassic World Dominion ภายในซากของศูนย์วิจัย Biosyn เนื่องจากเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของ Jurassic World Rebirth เกิดขึ้นบนเกาะ Site C ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่ Rexy จะกลับมาที่นี่ได้
นอกจากนี้ T-Rex ในภาคนี้ยังมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างเล็กน้อยจากนักล่าระดับสูงในแฟรนไชส์ อาจเป็นไปได้ว่ามันมีการกลายพันธุ์บางอย่างของตัวเอง ทำให้ดูแปลกตาและอาจอันตรายเกินกว่าที่จะนำไปที่ Jurassic Park
2. เวโลซิแรปเตอร์ (Velociraptor)
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
เวโลซิแรปเตอร์ ไดโนเสาร์ขาประจำของแฟรนไชส์นี้ กลับมาในภาคนี้ด้วยเวอร์ชั่นใหม่ที่น่ากลัวกว่าเดิม มีทั้งร่างปกติและร่างทดลองที่มี 2 หัว ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการกลายพันธุ์ที่ผิดเพี้ยนจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม พวกมันไม่ใช่แรปเตอร์ที่เราคุ้นเคยอีกต่อไป ความน่ากลัวของพวกมันชวนให้นึกถึงบรรยากาศสุดสะพรึงในภาคแรกของ Jurassic Park ที่แรปเตอร์ไม่ใช่เพียงแค่สัตว์ที่ถูกเข้าใจผิด แต่เป็นฝันร้ายมีชีวิตที่มากับกรงเล็บแหลมคม
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
ในไตรภาคล่าสุด แรปเตอร์เคยถูกนำเสนอในฐานะสัตว์ที่ฝึกได้และเกือบจะเป็นฮีโร่ แต่ใน Rebirth ภาพลักษณ์เหล่านั้นถูกลบหายไปจนหมดสิ้น แรปเตอร์รุ่นใหม่นี้ถือกำเนิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว ไร้การสัมผัสกับมนุษย์ จึงเต็มไปด้วยสัญชาตญาณดิบเถื่อน ไม่ผ่านการควบคุมหรือคัดกรองใด ๆ ความฉลาดของพวกมันยังคงอยู่แต่ถูกบิดเบือนจนกลายเป็นอาวุธสังหารที่อันตรายที่สุด การประสานงานของพวกมันยังคงแม่นยำ รุนแรง และอันตรายถึงชีวิต รูปลักษณ์ของพวกมันตอนนี้ราวกับหลุดออกมาจากฝันร้ายทางพันธุกรรม
3. ไดโลโฟซอรัส (Dilophosaurus)
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
ไดโลโฟซอรัส ไดโนเสาร์พ่นพิษสุดอันตรายที่แฟน ๆ จำได้ดีจาก Jurassic Park ภาคแรก โดยใน Jurassic World: Rebirth จะปรากฏตัวในการเผชิญหน้ากับเด็กหญิงคนหนึ่งจากครอบครัวที่ติดอยู่บนเกาะ Site C เราจะได้เห็นเจ้าตัวนี้กางแผงคอออก ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามันกำลังจะโจมตีหรือรู้สึกว่าถูกคุกคาม Dilophosaurus สามารถพ่นพิษใส่ศัตรูที่อาจเป็นอันตรายได้ไกลถึง 20 ฟุต ดังนั้น ในฉากนี้มันจะต้องเข้าใกล้เด็กหญิงมากขึ้นเพื่อสังหารเธอ
นับเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ไดโนเสาร์ไดโลโฟซอรัสปรากฏในหนัง Jurassic โดยครั้งแรกคือใน Jurassic Park ภาคแรก ซึ่งมันเป็นไดโนเสาร์ที่โจมตี เดนนิส เนดรี และทำให้เขาเสียชีวิตด้วยพิษ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา Dilophosaurus ไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลยจนกระทั่ง Jurassic World Dominion ซึ่งในภาค Rebirth นี้ คาดว่าไม่ใช่ตัวเดียวกับที่ปรากฏใน Dominion
4. สไปโนซอรัส (Spinosaurus)
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
สไปโนซอรัส ไดโนเสาร์ขวัญใจแฟน ๆ จาก Jurassic Park III กลับมาอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง และไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่เป็น Spinosaurus ถึง 3 ตัว ที่ร่วมมือกันโจมตีเรือที่ตัวละครหลักทั้งหมดอยู่บนเรือ พวกมันกระโดดขึ้นจากน้ำและพยายามปีนขึ้นเรือ ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ บทบาทของ Spinosaurus ในภาคนี้ถูกพัฒนาให้มีมิติและแตกต่างจากเดิม พร้อมความร่วมมือสุดระทึกกับ Mosasaurus สิ่งมีชีวิตใต้ทะเลขนาดมหึมา พวกมันทำงานประสานกันในแบบที่คล้ายกับความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน สะท้อนให้เห็นถึงวิวัฒนาการใหม่ของนักล่าแห่งยุคดึกดำบรรพ์ที่สามารถครองทั้งผืนน้ำและแผ่นดินได้อย่างน่าหวาดหวั่น
5. โมซาซอรัส (Mosasaurus)
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
โมซาซอรัส นักล่าขนาดยักษ์จากใต้ทะเลลึกกลับมาสร้างความระทึกในฉากกลางมหาสมุทร โดยปรากฏตัวขึ้นมาจากใต้น้ำและโจมตีเรืออย่างดุร้าย โดยมีแก๊งไดโนเสาร์ Spinosaurus ช่วยเหลือในการจู่โจมครั้งนี้ด้วย โมซาซอรัส ยังคงรักษาตำแหน่ง "ราชันแห่งท้องทะเล" ในโลกของแฟรนไชส์ Jurassic ด้วยขนาดที่ใหญ่โตและพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึง กลายเป็นกุญแจสำคัญในภารกิจของ ซาร่า, เบนเน็ต และเฮนรี่ ที่ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างใกล้ชิดกลางทะเล ระหว่างปฏิบัติการที่ยังคลุมเครือว่าพวกเขากำลังพยายามทำอะไรกับ DNA ของมัน
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
มีความเป็นไปได้ที่ โมซาซอรัส ในภาคนี้จะเป็นตัวเดียวกับที่เคยปรากฏตัวในหนัง Jurassic World ทั้ง 2 เรื่องก่อนหน้านี้ ความน่าเกรงขามของมันอยู่ที่ฟันอันแหลมคมและกรามที่ใหญ่อย่างเหลือเชื่อ ทำให้มันอาจจะกลายเป็นตัวอันตรายที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตของ Dominions ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าก่อนหน้านี้สามารถกิน อินโดไมนัส เร็กซ์ ได้ด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว
6. เควตซัลโคแอตลัส (Quetzalcoatlus)
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
เควตซัลโคแอตลัส นักล่าทางอากาศขนาดยักษ์ กลับมาอีกครั้งในฉากไล่ล่าเหนือท้องฟ้าอย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นการกลับมาครั้งแรกของ Quetzalcoatlus ในแฟรนไชส์นี้ หลังจากที่มันได้เปิดตัวครั้งแรกใน Jurassic World Dominion และอาจเป็นตัวเดียวกับที่ปรากฏในหนังก่อนหน้านี้ก็เป็นได้ ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อเรื่องหลักที่พูดถึงไดโนเสาร์ที่กำลังเผชิญกับความตายและพยายามปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ในภาคนี้เราจะได้เห็นเควตซัลโคแอตลัสที่ดูแข็งแกร่งและน่าเกรงขามยิ่งขึ้น สังเกตได้จากสีสันที่เข้มขึ้น รูปร่างที่ดูทรงพลัง และหงอนบนหัวเรียวยาวคล้ายอาวุธ ซึ่งนี่ไม่ใช่ข้อผิดพลาดด้านความต่อเนื่อง แต่มันคือวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดนั่นเอง
ภาพจาก : YouTube @jurassicworld
7. แองคิโลซอรัส (Ankylosaurus)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
ไดโนเสาร์กินพืชสุดแกร่งที่มีเกราะหนาและหางเป็นกระบอง ภาคนี้ Ankylosaurus จะมีบทบาทสำคัญในการป้องกันตัวและปะทะกับไดโนเสาร์นักล่า ตัวละครนี้เหมือนเป็น "รถถัง" แห่งยุคจูราสสิคเลยทีเดียว
8. คาร์โนทอรัส (Carnotaurus)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
นักล่าขวัญใจสายบู๊ ! Carnotaurus เด่นด้วยเขาสองข้างและรูปร่างที่ปราดเปรียว เป็นไดโนเสาร์ที่เคลื่อนไหวรวดเร็วและโจมตีได้อย่างแม่นยำ ภาคนี้จะได้เห็นฉากไล่ล่าและต่อสู้ที่ตื่นเต้นเร้าใจของ Carnotaurus อย่างแน่นอน
9. คอมป์ซอกนาทัส (Compsognathus)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
ถึงจะตัวเล็กแต่ก็อันตรายไม่แพ้ใคร Compsognathus หรือ "คอมพี" เป็นไดโนเสาร์ขนาดจิ๋วที่ชอบล่าเป็นฝูงและโจมตีเหยื่อพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ในภาคนี้พวกมันจะสร้างความปั่นป่วนให้กับตัวละครมนุษย์อย่างคาดไม่ถึง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
10. พาราซอโรโลฟัส (Parasaurolophus)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
ไดโนเสาร์กินพืชที่มีจุดเด่นคือหงอนยาวบนหัว Parasaurolophus มีเสียงร้องเป็นเอกลักษณ์และมักปรากฏตัวเป็นฝูงใหญ่ ใน Jurassic World Rebirth จะได้เห็นพวกมันในฉากธรรมชาติที่สวยงามและสมจริงมากขึ้น
เรื่องย่อ Jurassic World: Rebirth
บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ใน Jurassic World Dominion 5 ปี โดยโลกพิสูจน์แล้วว่าระบบนิเวศไม่เอื้ออำนวยต่อไดโนเสาร์ พวกที่เหลืออยู่จึงอาศัยอยู่ในแถบเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรที่มีสภาพแวดล้อมทางภูมิอากาศคล้ายกับสมัยที่พวกมันเคยอยู่ และสิ่งมีชีวิตยักษ์ใหญ่ 3 ชนิดที่อยู่อาศัยในแถบป่าดิบชื้นแห่งนี้ทั้งบนบก ทะเล และในอากาศ ได้กุมกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างยารักษาที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการช่วยชีวิตมวลมนุษยชาติ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Jurassic World
ทำให้ ซาร่า เบนเน็ต (Scarlett Johansson) ผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการลับ ดร.เฮนรี่ ลูมิส (Jonathan Bailey) นักบรรพชีวินวิทยา และ ดันแคน คินเคด (Mahershala Ali) สมาชิกในทีม ได้รับมอบหมายให้ค้นหาสิ่งมีชีวิตทั้งสาม เพื่อนำ DNA ของพวกมันมา ภารกิจของพวกเขากลับซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อทั้งสามพบกับครอบครัวพลเรือนที่ครั้งหนึ่งเรือของพวกเขาถูกไดโนเสาร์น้ำโจมตี และต้องติดอยู่บนเกาะต้องห้ามที่เคยเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยลับของ Jurassic Park เดิม ที่นั่น…พวกเขาค้นพบไดโนเสาร์กลายพันธุ์ต่าง ๆ มากมายที่รอดชีวิต และต้องเผชิญหน้ากับความลับสุดช็อกและอันตรายที่ถูกปกปิดจากโลกมานานหลายทศวรรษ
Jurassic World Rebirth จัดเต็มไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่และสัตว์โลกล้านปีที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในแฟรนไชส์นี้ ไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่ Titanosaurus, D-Rex ลูกผสมสุดโหด, Aquilops และ Diabloceratops สายพันธุ์ใหม่ รวมถึง Mutadon ลูกผสมลึกลับที่เพิ่มความลึกลับและน่าติดตามให้กับเรื่องราว ภาคนี้จะพาคุณลุ้นระทึกไปกับการผจญภัยสุดอันตรายและการเปิดเผยความลับที่ถูกซ่อนไว้มานาน ใครเป็นแฟนไดโนเสาร์ตัวจริง และพร้อมเผชิญหน้ากับความตื่นตาตื่นใจที่ไม่เคยมีมาก่อน ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง แล้วเจอกัน 2 กรกฎาคม 2025 ในโรงภาพยนตร์
บทความที่เกี่ยวข้อง