9 หนังตลกสไตล์ แจ๊ส ชวนชื่น ขำกลิ้ง เฮฮา ตามประสาซุปตาร์อารมณ์ดี
ชายหนุ่มอารมณ์ดีที่มีดีทั้งการแสดงและร้องเพลง แจ๊ส ชวนชื่น แจ้งเกิดในวงการด้วยความสามารถด้านตลก เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีมุกเด็ดแพรวพราว ที่ใครหลายคนจำได้คงเป็นการเลียนแบบบุคคลมีชื่อเสียงต่าง ๆ อาทิ อ่าง เถิดเทิง, ตูน บอดี้สแลม, แด๊ก บิ๊กแอส จากนั้นก็มีผลงานต่าง ๆ มากมายในวงการไม่ว่าจะเป็นงานแสดงละคร งานหนัง หรืองานเพลง แจ๊ส ชวนชื่น เคยเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันร้องเพลงในรายการสุดฮิต The Mask Singer หน้ากากนักร้อง โดยอยู่ภายใต้หน้ากากน้ำแข็ง นั่นเอง เป็นที่รู้กันดีว่า แจ๊ส ชวนชื่น มีความสามารถในด้านงานเพลงอยู่ไม่น้อย และใครหลายคนคงรู้จักเพลงนี้กันดี "แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว" ที่มียอดผู้ชมสูงกว่าร้อยล้านวิว แต่ในวันนี้กระปุกดอทคอมจะพาแฟน ๆ ไปรู้จักกับผลงานหนังของ แจ๊ส ชวนชื่น ซึ่ง แจ๊ส มีผลงานหนังต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบันมากกว่าสิบเรื่อง ส่วนจะมีหนังเรื่องอะไรบ้างนั้นมาติดตามกันเลย
1. พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า (2548)
พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า ว่าด้วยเรื่องราวของสายลับที่ได้รับมอบปฏิบัติการพิเศษให้แฝงตัวเข้าไปในโรงพยาบาลบ้าเป็นเวลา 3 วัน 3 คืน เพื่อค้นหามือระเบิดที่ประกาศถล่มกรุงให้ได้ทันเวลา ชีวิตของทุกคนและอนาคตของเมืองกรุง ถูกแขวนอยู่ในมือของคนบ้า มีเพียงพวกเขาเหล่า พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า เท่านั้นที่จะช่วยเราได้... แน่นอนว่าเหล่าคนไข้ในโรงพยาบาลเป็นนักแสดงตลกทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของผู้สร้างเสียงหัวเราะในประเทศไทยเลยทีเดียว ซึ่งในเรื่องนี้ แจ๊ส ชวนชื่น รับบท จ่อเปียว F3 โจรกะเหรี่ยง นั่นเอง
2. 32 ธันวา (2552)
เรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่มที่มีชีวิตสุดประหลาด โน้ต ซึ่งสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป บังเอิญมาเจอกับ โจ ซึ่งมีอาการวิตกกังวลเรื่องถ่ายไม่ออก ระหว่างที่คู่เกลออยู่ในระหว่างการบำบัด เรื่องราวความรักของโน้ต กับ 1 ใน 3 หญิงสาวที่เขาเคยเข้าไปพัวพันก็แวบขึ้นมาในสมอง แต่เขาไม่มั่นใจว่าคนที่เขารักคือใครกันแน่ จะเป็น อั้ม, นุ่น หรือ เมย์ หรืออาจเป็น บอย ก็ได้ ในเรื่องนี้ แจ๊ส ชวนชื่น รับบท บอย ช่างทำผมซี้ปึ้กของ โน้ต นั่นเอง
3. หลวงพี่แจ๊ส 4G (2559)
หนังสร้างปรากฏการณ์ของ แจ๊ส ชวนชื่น เลยก็ว่าได้สำหรับหนังเรื่อง หลวงพี่แจ๊ส 4G ที่ทำรายได้หนังทะลุ 100 ล้านบาท หนังเล่าเรื่องราวของ แจ๊ส หนุ่มหล่อรวยเสน่ห์ที่ออกบวชเพราะต้องการหนีปัญหาส่วนตัว แต่แล้วก็ยังไม่วายต้องมาเจอกับเรื่องราวสุดวุ่นวายเมื่อพระบ้านนอกที่หนีบสมุนคู่ใจ 2 คนมาเป็นลูกศิษย์วัด ได้เจอพระเมืองกรุงที่เปิดกุฏิมอมเมาประชาชน ความถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่สุด พระแจ๊ส และสองสมุนสุดแสบ ร่วมมือกันจัดการเปิดโปงมารศาสนา... เรียกได้ว่าวุ่นวายกันตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องเลยทีเดียว
4. สมอลล์รู กูแนว (2554)
เปียกปูน ลูกสาวของเชฟเบเกอรี่มือทอง เข้ามาสอนและช่วยกันปรับปรุงร้านพร้อมกับเทรนหนุ่ม ๆ ประกอบด้วย ซื่อสัตย์, แข็ง, รั่ว, ไข่ และ ว่าว ในเรื่องของวงดนตรีให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เรื่องราวของดนตรีและการทำเบเกอรี่ได้ดำเนินไปพร้อม ๆ กันจนเกิดเป็นความผูกพัน จนกระทั่งวันหนึ่งที่พวกเขาต้องตัดสินใจเลือกระหว่างดนตรีที่พวกเขารักและการทำร้านเบเกอรี่ เรื่องราวแนว ๆ ของคนอยากแนวจึงเกิดขึ้น ในเรื่องนี้ แจ๊ส ชวนชื่น รับบท ว่าว นักร้องนำของวง ที่ตัดสินใจแยกตัวออกไปตั้งวงใหม่ของตัวเอง
5. สตรีเหล็กตบโลกแตก (2554)
เมื่อ ครูบี๋ ก้าวเข้ามาเป็นโค้ชคนใหม่ของทีมวอลเลย์บอลชายจังหวัดลำปาง และเปิดให้มีการคัดตัวนักกีฬาใหม่ทั้งหมด ทำให้เธอได้พบกับสมาชิกใหม่ที่เข้ามาร่วมหัวจมท้ายสร้างเสียงฮาให้กับทีม โดยมี มุ้ย สาวประเภทสองผู้เปี่ยมด้วยความมั่นใจเป็นผู้นำทีม และได้ นุ, จุง, ชาติ ผู้ชายแท้คนเดียวในทีม เดียว ร่วมก๊วนด้วย ขันโตก สาวชาวเหนือ พร้อมพรรคพวกเตรียมป่วนจอ พวกเขาเดินทางตามหาสมาชิกจนครบ ฝ่าฟันอุปสรรคในการแข่งขันต่าง ๆ ด้วยใจที่มุ่งมั่น ถึงใจจะเป็นหญิงแต่แกร่งเหนือชาย ทั้งฝีไม้ลายมือในเกมวอลเลย์บอลก็เหนือชั้น ทำให้ทีมวอลเลย์บอลชายใจแกร่งนี้มีชื่อว่า "สตรีเหล็ก" ซึ่งในเรื่องนี้ แจ๊ส ชวนชื่น รับบท น้อยหน่า หรือ คทาเทพ นักเลงคุมซอยที่ผันตัวเองมาเป็นกะเทย จากเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อครั้งอดีต ทำให้เขาดูเป็นกะเทยเถื่อน ๆ
6. มนต์เลิฟสิบหมื่น (2558)
อก ไอ้คล้าว แทบหักดังเป๊าะ เมื่อ (ว่าที่) พ่อตาตัวแสบประกาศว่า ถ้าอยากได้ลูกสาวข้าต้องหาสินสอดมา สิบหมื่น !!! งานนี้เล่นเอามึนตึ้บ แต่โชคดีไอ้คล้าวยังมี ไอ้แว่น คู่ซี้ และไก่ไทยไฟต์ ที่จะมาสร้างวีรกรรมทำเพื่อรัก ให้ พี่คล้าว-น้องทองกวาว ได้เลิฟกันสุขสมใจ งานนี้ แจ๊ส ชวนชื่น รับบทเพื่อนสนิทอย่าง ไอ้แว่น เพื่อนซี้พันธุ์กวน นักพากย์หนังลีลาสุดเกรียนเซียนตัวย่อที่มีลูกล่อลูกชนไม่แพ้ไก่นั่นเอง
7. ไทยแลนด์โอนลี่ (2560)
กลับมารับบทนำอีกครั้งสำหรับ แจ๊ส ชวนชื่น กับเรื่องราววุ่น ๆ ของ แจ๊ค และไข่ย่น เพื่อนซี้ผู้นิ่งเฉยต่อทุกสิ่ง นอกจากผู้หญิงเอ็กซ์ ๆ และ ซิ่งหลง พลขับเพื่อนรุ่นพ่อที่มาเต็มตามชื่อ ซิ่งงงง หลง ประกอบร่างสร้างบริษัททัวร์จำเป็น และปฏิญาณตนว่า จะทำทัวร์นี้ให้ดีจนโลกต้องจารึก ใครจะรู้ว่าทัวร์ครั้งนี้พร้อมกับกรุ๊ปทัวร์จีนทั้ง 8 ที่คัดมาแล้วว่าไม่ธรรมดา พร้อมด้วย พี่เวย์น ที่ต้องช่วยเป็นแบ็กอัพจำเป็น และ ติช่า ล่ามสาวมา ค่อยช่วยเสริมทัพ เพียงแต่... ยิ่งช่วยยิ่งยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ทุกเรื่อง จนลูกทัวร์ต้องร้อง !!
8. ดอกฟ้า หมาแจ๊ส (2560)
หนังว่าด้วยเรื่องราวของ หมา เด็กหนุ่มจากเกาะสีชังผู้เข้ามาสู่เมืองกรุงเพื่อค้นหาตัวตนและเป้าหมายที่แท้จริงนั่นก็คือการได้เป็นนักเขียนผู้มีชื่อเสียง แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่าถ้าหน้าตาไม่ดี เขาทำดีได้แค่เป็นเด็กเสิร์ฟในผับแห่งหนึ่ง ต่อมาวันหนึ่ง หมา ได้รับโอกาสในการผ่าตัดทำศัลยกรรมจนหน้าตาหล่อเหมือนโอปป้าเกาหลี และได้ทราบข่าวว่า เฟื่องฟ้า อดีตรักวัยเรียนคนเดียวของเขาเสียชีวิตจากการถูกรถชน และหมาเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดนั้นได้ ในเรื่องนี้ แจ๊ส ชวนชื่น รับบท หมา นั่นเอง
9. สลัมบอยซอยตื๊ด (2560)
เรื่องราวของ ซิ่ง ซอยตื๊ด (รับบทโดย แจ๊ส ชวนชื่น) ชายหนุ่มที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องเพื่อสานฝันของพ่อให้สำเร็จ โดยมี นม น้องสาวสุดสวย และหรั่ง เพื่อนซี้ที่คอยให้ความช่วยเหลือ มาวันหนึ่ง หรั่ง ถูกนายทุนไล่ออกจากวงดนตรีและยังมีหนี้สินก้อนโต ซิ่ง จึงได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเพื่อนรัก การฟอร์มวงดนตรีเพื่อเข้าแข่งขันดนตรีเพื่อชิงเงินรางวัล 5 แสนบาท ภารกิจหาสมาชิกเข้าวงจากคนในชุมชนจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อได้ โจ๊ะ พันมือ อดีตมือกลองที่วางมือมานานแล้ว และเพื่อนซี้มือคีย์บอร์ด หลอด 9 นิ้ว, เนิร์ด เด็กประถมแต่ฝีมือการเล่นกีตาร์ขั้นเทพ รวมถึง นม และถั่วงอก ที่ชอบสร้างสีสันให้วงเสมอ
10. หลวงพี่แจ๊ส 5G (2561)
ภาคต่อจาก หลวงพี่แจ๊ส 4G โดยหนังจะเล่าถึงภารกิจครั้งใหม่และยังได้ แจ๊ส ชวนชื่น รับบท หลวงพี่แจ๊ส เช่นเคย ในภาคนี้ หลวงพี่แจ๊ส ได้ออกธุดงค์ไปพร้อมกับลูกศิษย์คนสนิทตามต่างจังหวัด จนได้พบกับหลวงพ่อจงรวย เจ้าอาวาสรูปใหม่ที่พึ่งย้ายมา หลวงพ่อจะขอให้หลวงพี่นำเณรไปหา หลวงไชยา ทำให้ท่านจะต้องเดินทางกลับไปเมืองหลวงอีกครั้ง เมื่อพระทั้งสองได้เจอกันแต่ส่งมอบเณรเป็นที่เรียบร้อย หลวงพ่อได้ขอให้หลวงพี่อยู่ต่อ เนื่องจากชื่อเสียงของหลวงพี่ที่อาจจะช่วยโปรโมตวัด ให้ญาติโยมเข้ามาทำบุญกันเยอะ ๆ แต่เมื่ออยู่ไปสักระยะ หลวงพี่ก็ได้รู้อะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับหลวงพ่อรูปนี้รวมทั้งพระลูกวัด ที่มักจะใช้อำนาจในวัดไม่เหมาะสม ทำให้หลวงพี่ต้องออกมาสืบหาความจริงเกี่ยวกับวัดแห่งนี้ เรื่องวุ่นวายและความฮาจึงบังเกิดอีกครั้ง