หนัง Live Action สร้างจากอนิเมะชื่อดัง ที่กลายเป็นฝันร้ายของทั้งแฟนคลับและผู้สร้าง จะพังแค่ไหน และมีเรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ด้วยความสำเร็จของซีรีส์ One Piece ฉบับไลฟ์แอ็คชั่น (Live Action) ที่เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากมาย แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีหนัง-ซีรีส์สร้างจากอนิเมะ อีกหลายเรื่องที่คว่ำไม่เป็นท่า ทั้งจากรายได้และคำวิจารณ์ รวมถึงโดนสาปส่งจากแฟน ๆ มังงะ ที่รับไม่ไหวกับบทสุดบ้ง ที่ดัดแปลงเสียจนไม่หลงเหลือเค้าโครงเรื่องเดิมเลย ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่าว่ามีหนังไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องอะไรบ้างที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า และไม่ควรหาทำอีกต่อไป
1. Dragonball Evolution (2009)
ภาพจาก : เว็บไซต์ 20th Century Fox
ครองแชมป์อันดับ 1 ในหลาย ๆ โพล สำหรับ Dragonball Evolution หนังสร้างจากมังงะชื่อดังอย่าง Dragon ball ที่นำมาดัดแปลงเป็นฉบับไลฟ์แอ็คชั่น แม้จะได้ โจวเหวินฟะ ดาราฮ่องกงชื่อดัง มาร่วมแสดงก็ไม่สามารถหยุดฝันร้ายความพังของหนังเรื่องนี้ได้เลย โดยเนื้อหาของหนังเล่าเรื่องราวการเดินทางของโกคูตามการสั่งเสียก่อนตายของปู่ ให้ไปฝึกวิชากับผู้เฒ่าเต่าและช่วยกันตามหาลูกแก้วมังกรทั้งเจ็ด เพื่อเป็นการปกป้องโลกจากการยึดครองของจอมมารพิคโกโร่ ดูจากเนื้อหาก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่กลับสร้างความหัวร้อนไม่พอใจให้กับเหล่าผู้ชมทั้งหลายอย่างมาก
ภาพจาก : เว็บไซต์ 20th Century Fox
ภาพจาก : เว็บไซต์ 20th Century Fox
ภาพจาก : เว็บไซต์ 20th Century Fox
ไม่ว่าจะการเปลี่ยนแปลงบุคลิกของ โกคู จากนักสู้สุดแข็งแกร่งกลายเป็นเด็กนักเรียนธรรมดาหน้าหม้อและถูกกลั่นแกล้ง ไปจนถึงจอมมารพิคโกโร่ ที่มีแต่ความอิหยังวะ เรียกได้ว่าไม่มีส่วนไหนที่ใกล้เคียงกับดราก้อนบอลที่พวกเขารักแม้แต่นิดเดียว จึงไม่แปลกใจที่หนังเรื่องนี้จะถูกสาปส่งโดยเหล่าแฟนคลับแบบไม่มีชิ้นดี และติดอันดับหนังไลฟ์แอ็คชั่นพังตลอดกาลที่ไม่ขอเอ่ยถึงอีกเลย
ภาพจาก : เว็บไซต์ 20th Century Fox
ภาพจาก : เว็บไซต์ 20th Century Fox
2. Gantz (2011)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
หนังสร้างจากมังงะชื่อเดียวกัน ที่ถูกแบ่งเป็น 2 ภาค คือ Gantz และ Gantz : Perfect Answer เข้าฉายในปี 2011 ทั้งคู่ โดยฉบับมังงะของอาจารย์ฮิโรยะ โอคุ แม้จะได้รับความนิยมจากแฟน ๆ แต่ไม่อาจครองใจผู้ชมฉบับไลฟ์แอ็คชั่นได้มากเพียงพอ ด้วยเนื้อหาที่ไม่สามารถถ่ายทอดถึงความละเอียดของเรื่องราวได้ดีเท่าไรนัก และตัวละครก็ไม่สามารถพัฒนาและเติบโตตามเรื่องราวได้มากพอ นอกจากนี้ความไม่สอดคล้องกันของโครงเรื่องและการจบแบบงง ๆ ยังกลายเป็นความล้มเหลวของหนังทั้ง 2 ภาคนี้ รวมถึงการให้เสียงที่ไม่ใช้ภาษาญี่ปุ่นก็ยิ่งทำให้เรื่องราวเลอะเทอะมากกว่าเดิมไปอีก จนทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งหนังสร้างจากมังงะที่สร้างความผิดหวังให้กับแฟน ๆ บางกลุ่มไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
ทั้งนี้ หนัง Gantz บอกเล่าเรื่องราวของเด็กนักเรียนมัธยมปลาย 2 คน ที่เสียชีวิตพร้อมกันจากอุบัติเหตุบนรถไฟใต้ดิน แต่พวกเขากลับฟื้นขึ้นมาในห้องเล็ก ๆ ที่มีลูกบอลสีดำวางอยู่ กับกลุ่มคนที่คิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว พวกเขาได้รับมอบหมายภารกิจที่สำคัญ กับชุดสูทพิเศษและอาวุธสุดไฮเทค เพื่อออกไปไล่ล่าเอเลี่ยนที่แอบแฝงอยู่ในร่างมนุษย์และก่อกวนเป็นภัยต่อโลก หนังนำแสดงโดย คาซูนาริ นิโนมิยะ นักร้องชื่อดังของวงอาราชิ (Arashi) มารับบท คูโรโน่ และ มัตสึยามะ เคนอิจิ มารับบท คาโต้
ตัวอย่าง สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร
3. Kite (2014)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
อีกหนึ่งความพังของหนังไลฟ์แอ็คชั่นที่ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเดียวกันของ ยาซึโอมิ อูเมตสุ ที่แม้จะได้นักแสดงฝีมือดีอย่าง ซามูเอล แอล. แจ็คสัน (Samuel L. Jackson) ร่วมแสดง ก็ไม่สามารถกอบกู้ความปังให้กับหนังเรื่องนี้ได้ โดยนักวิจารณ์ใน Rotten Tomatoes ให้คะแนนเรื่องนี้ไว้ที่ 0% ทั้งนี้ Kite ฉบับไลฟ์แอ็คชั่น บอกเล่าเรื่องราวของ ซาวา เด็กสาวมัธยมในโลกอนาคตหลังอารยธรรมล่มสลาย ทำให้รัฐบาลอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรมืด เมื่อพ่อของเธอที่เป็นตำรวจ ถูกตำรวจชั่วในกรมหักหลังและสังหารอย่างโหดเหี้ยม ซาวา จึงสาบานว่าจะตามล้างแค้นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเธอ ตัวหนังเต็มไปด้วยความรุนแรงที่แม้ความจริงแล้วจะใกล้เคียงฉบับมังงะ แต่กลับดูรุนแรงและไร้เหตุผลเกินไป รวมถึงการตัดต่อภาพในหนังบางช่วงที่ดูยุ่งเหยิงและกลายเป็นอีกหนึ่งจุดพังของหนังเรื่องนี้นั่นเอง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
ตัวอย่าง Kite : ด.ญ.ซ่าส์ ฆ่าไม่เลี้ยง
4. Attack On Titan (2015)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
อีกหนึ่งหนังไลฟ์แอ็คชั่น สร้างจากมังงะชื่อเดียวกันของ ฮาจิเมะ อิซายามะ ด้วยความสนุกครบรสในเวอร์ชั่นมังงะทั้งดราม่า แอ็คชั่น แฟนตาซี รวมถึงเอกลักษณ์ของตัวละครและเนื้อเรื่อง ทำให้ถูกหยิบมาสร้างในฉบับไลฟ์แอ็คชั่น แต่กลับกลายเป็นหนังคนละม้วน เนื้อหาออกมาเละเทะไม่มีชิ้นดีจนแฟนคลับสาปส่งไม่แพ้กัน โดยในฉบับหนังเล่าเรื่องราวในยุคที่มนุษย์ต้องอาศัยอยู่หลังกำแพงเพื่อปกป้องตัวเองจาก ไททัน สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่มีหน้าตาคล้ายมนุษย์ แต่เมื่อไททันความสูงกว่า 50 เมตร ทลายกำแพงเข้ามาได้สำเร็จ เหล่ามนุษย์ต้องจัดตั้งกองกำลังเพื่อต่อกรกับยักษ์กลุ่มนี้โดยเฉพาะ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก M Pictures
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก 映画「進撃の巨人 Attack on Titan
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก 映画「進撃の巨人 Attack on Titan
หนังถูกสร้างออกมาทั้งหมด 2 ภาค และถูกนักวิจารณ์กับเหล่าแฟนคลับสับไม่เป็นชิ้นดี ถึงแม้ว่าจะมีการยืนยันจากทั้งทีมสร้างหนัง สำนักพิมพ์ และอาจารย์ผู้เขียน ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่มีส่วนที่ตรงกับฉบับมังงะ แต่ก็ไม่ได้ทุเลาความโกรธแค้นของเหล่าแฟน ๆ ลงไปได้เลย
5. Ghost In The Shell (2017)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Ghost In The Shell
หนังสร้างจากมังงะชื่อเดียวกันของ มาซามุเนะ ชิโร ที่ฮอลลีวูดนำมาทำใหม่ กับการร้อยเรียงเรื่องราวที่ดูจะไม่สุดสักทาง จะแอ็คชั่นก็ไม่ใช่ ไซไฟก็ไม่เชิง หรือจะแฝงปรัชญา ก็ดูผสมปนเปกันไปหมด อย่างไรก็ตาม ตัวหนังก็สามารถทำให้คนที่ไม่เคยอ่านมังงะเข้าใจเรื่องราวได้อยู่เหมือนกัน โดยหนังเล่าเรื่องตามแบบต้นฉบับ ที่ว่าด้วย เมเจอร์ ไซบอร์กสาวผู้พันแห่ง Section 9 กองกำลังปราบปรามอาชญากรรมโลกอนาคต เธอได้รับภารกิจให้หยุดแผนก่อการร้ายของแฮกเกอร์ นำโดย ลาฟฟิ่งแมน ที่มุ่งทำลายความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของฮันกา โรโบติค
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Ghost In The Shell
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Ghost In The Shell
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Ghost In The Shell
หนังทำได้ดีทั้งในส่วนของเสื้อผ้า หน้า ผม รวมถึงฉากไฮไลต์ต่าง ๆ ที่คงความเป็นต้นฉบับไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เว้นเสียแต่ว่าบทตัวละครหลักที่ควรจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือเอเชียกลับกลายเป็น สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน ดาราสาวเจ้าของบทบาท Black Widow มารับหน้าที่นี้แทน แน่นอนว่าการแสดงของเธอคนนี้ก็ไม่ขัดตาแต่อย่างใด เพียงแค่ขัดใจแฟนมังงะก็เท่านั้นเอง
6. Netflix’s Death Note (2017)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
เพราะความปังของ Death Note เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ในปี 2006 ทำให้ฮอลลีวูดเลือกที่จะหยิบเรื่องราวจากมังงะสุดฮอตนี้มาสร้าง แต่ความปังกลับกลายเป็นความพัง เมื่อหลาย ๆ อย่างในหนังถูกเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะความแตกต่างในการตีความบุคลิกของ ยางามิ ไลท์ ที่ขาดความเด็ดขาด ดูเหมือนเด็กขี้แพ้ที่หวาดกลัวตลอดเวลา ส่วน แอล ก็ดูใจร้อนมากกว่าในเวอร์ชั่นเดิม หมดลุคสุดยอดนักสืบผู้ฉลาดเฉลียวอย่างที่ใครเขาว่ากัน รวมถึงเนื้อเรื่องที่ถูกเปลี่ยนใหม่หมด แม้ยังคงแก่นของเนื้อเรื่องเดิมไว้ แต่ก็ให้อารมณ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ส่วนเส้นเรื่องที่เหมือนกันคือ การเล่าเรื่องราวของนักเรียนคนหนึ่งที่เก็บสมุดโน้ตลึกลับมาได้ โดยสมุดเล่มนี้สามารถฆ่าคนได้ด้วยการเขียนชื่อของเหยื่อลงไปในสมุด ทำให้เขามีความสามารถประดุจดั่งพระเจ้า แต่ก็มีกลุ่มคนอีกฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขา จึงได้สืบหาต้นตอของหนังสือมรณะ การชิงไหวชิงพริบระหว่างนักฆ่าและนักสืบจึงเริ่มต้นขึ้น
7. Fullmetal Alchemist (2017)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
หนังสร้างจากมังงะยอดฮิตชื่อเดียวกันของ ฮิโรมุ อารากาวะ หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อว่า แขนกลคนแปรธาตุ ออกฉายแล้วทั้งสิ้น 2 ภาค คือ Fullmetal Alchemist (2017) และ Fullmetal Alchemist: The Revenge of Scar (2022) กับเรื่องราวของ 2 พี่น้องนักเล่นแร่แปรธาตุ เอ็ดเวิร์ด และ อัลฟองเซ เอลริค ที่สูญเสียร่างกายจากการพยายามชุบชีวิตแม่ของเขา พวกเขาจึงออกเดินทางเพื่อหาวิธีเอาร่างกายกลับคืนมา และในภาค 2 The Revenge of Scar เรื่องราวจะต่อจากภาคแรก โดย เอ็ดเวิร์ด ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุของทางการ ได้เดินทางไปเซ็นทรัลซิตี้พร้อมกับอัลฟองเซ ทั้งคู่ต้องมาพบกับเหล่าผู้คนที่ต้องการแย่งชิงศิลานักปราชญ์ รวมถึงถูกตามล่าโดย สการ์ นักล่าผู้หมายหัวนักเล่นแร่แปรธาตุของทางการ เพื่อเป้าหมายในการแก้แค้นให้กับชาวอิชวาล ชนชาติของตนที่ถูกทางการสั่งกวาดล้างเมื่อหลายปีก่อนนั่นเอง
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
ภาพจาก : เว็บไซต์ Netflix
จากเรื่องราวที่เล่าไปก็ดูเหมือนว่าจะดำเนินเนื้อเรื่องไปตามมังงะ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ความนิยมของ Fullmetal Alchemist ฉบับไลฟ์แอ็คชั่น ไปไม่ถึงฝั่งฝัน อาจจะเป็นเพราะดัดแปลงเรื่องราวที่มากเกินความจำเป็น รวมถึงความพยายามในการยัดเยียดทุกอย่างให้อยู่ในหนัง 2 ชั่วโมง ทำให้ผู้ชมไม่สามารถจับประเด็นใด ๆ ได้ รวมถึงความหลากหลายของเชื้อชาติในหนังที่เหลือเพียงแค่คนญี่ปุ่นก็ทำให้ขัดตาขัดใจผู้ชมได้ไม่น้อย ซ้ำร้าย CG ที่ควรจะเนียนตาก็กลายเป็นเหมือนนักแสดงใส่ชุดคอสเพลย์วิ่งไป-มาเท่านั้น แต่ด้วยการแสดงของ ยามาดะ เรียวสุเกะ และ แมคเคนยู อาราตะ ก็ยังพอดึงดูดคนดูได้บ้าง และทำให้หนังเรื่องนี้อยู่ในขั้นที่ว่าพอจะดูได้ ไม่พังมากจนเกินไปนั่นเอง
8. Netflix’s Cowboy Bebop (2021)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ซีรีส์ Live Action สร้างจากอนิเมะไซไฟสุดล้ำขึ้นหิ้งในตำนานปลายยุค 90s กับการผสมผสานรวมเข้าด้วยกันของหนังแนวคาวบอย สลัดอวกาศ ที่บอกเล่าเรื่องราวของ สไปค์ เจ็ต เฟย์ และก๊วนเหล่านักล่าค่าหัวสุดป่วน ที่ตามล่าอาชญากรร้ายแห่งกาแล็กซี พวกเขาจะช่วยกอบกู้โลกหากมีค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ แต่อดีตของสไปค์ก็กลับตามมาหลอกหลอนทั้งแก๊ง
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
แม้ว่าซีรีส์จะดูโอเคในสายตาของผู้ชมทั่วโลก เป็นสูตรสำเร็จในเวอร์ชั่นฮอลลีวูด แต่สำหรับแฟนมังงะแล้วนี่ถือเป็นกึ่ง ๆ ฝันร้าย เพราะถึงแม้เนื้อเรื่องจะคล้ายคลึงกัน วางโครงเรื่องในแกนเดียวกัน แต่กลับให้บรรยากาศที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ด้วยความที่เป็นซีรีส์ฉบับคนแสดงจึงถูกปรับให้เข้าใจง่ายขึ้น ทำให้เสน่ห์ต่าง ๆ ของตัวละครถูกตีความใหม่ รวมถึงปูมหลังของตัวละครบางคนก็ถูกนำเสนอไปในทิศทางอื่น สร้างความขัดใจและผิดหวังให้กับคอมังงะอยู่ไม่น้อย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Netflix
ทั้งนี้ แม้ว่าตัวซีรีส์จะมีจุดขัดตาอยู่เยอะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในมุมของผู้ชมที่ดูแต่ซีรีส์แล้วก็ถือว่า Cowboy Bebop: คาวบอย บีบ๊อป เป็น Live Action ที่ดูเพลินมากเรื่องหนึ่ง และทำการบ้านมาได้ดีพอสมควรจากต้นฉบับ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายที่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ไปต่อเพราะความนิยมไม่ถึงนั่นเอง
9. Disney’s The Little Mermaid (2023)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios
ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากสำหรับความไม่ตรงปกของเจ้าหญิงแอเรียล ฉบับ Live Action เรื่องนี้ ที่ทำให้เกิดกระแสดราม่าในโลกโซเชียล (อ่านเพิ่มเดิม : ไฝว้สนั่น The Little Mermaid เจ้าหญิงผิวสี ควรมองที่ความสามารถ หรือทำลายภาพจำ) ที่แม้ตัวนักแสดงหลักเจ้าของบทอย่าง ฮัลเล เบลีย์ เจ้าของเสียงร้องที่ไพเราะ ก็ไม่อาจต้านทานกระแสนี้ได้
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Little Mermaid
หนังสร้างจากเทพนิยายคลาสสิกของ Disney กับเรื่องราวของ แอเรียล ลูกสาวคนสุดท้องของราชาไทรทันแห่งท้องทะเล นางเงือกที่รักในการผจญภัยและหลงใหลในโลกของมนุษย์ และได้ตกหลุมรักเจ้าชายหนุ่ม เธอจึงใช้ความกล้าหาญที่มีทำทุกอย่างเพื่อสานต่อความฝันนั้นให้เป็นจริง ด้วยการทำข้อตกลงกับ เออร์ซูลา แม่มดสุดร้ายกาจแห่งท้องทะเล โดยแลกกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Little Mermaid
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก The Little Mermaid
ถ้าไม่นับเรื่องเนื้อหาก็ดูเป็น The Little Mermaid ที่สนุกตามแบบของการ์ตูน Disney แต่เมื่อหันกลับมาดูรายละเอียดหลาย ๆ อย่าง เช่น 2 คู่หูผู้สร้างสีสันอย่าง เซบาสเตียน และฟลาวเดอร์ ที่พยายามยัดเยียดความสมจริงแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ จนหาความน่ารักไม่ได้ แถมยังดูหดหู่มากไปเสียด้วยซ้ำ (แต่ขอโทษน้องพูดได้นะ !!) รวมถึง CG ที่ดูเหมือนจะสวยดีแต่กลายเป็นว่าปลอมในปลอม ลอยไปลอยมา ไม่ได้สมจริงอะไร แต่อย่างไรก็ตาม พอเอาเข้าจริง ๆ The Little Mermaid เวอร์ชั่นนี้ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพียงแต่อาจจะเต็มไปด้วยการยัดเยียดมากเกินไปจนทำให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัด และเป็นเหมือนฝันร้ายของแฟนคลับเจ้าหญิงบางกลุ่มเท่านั้นเอง
10. Knights of the Zodiac (2023)
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Sony Pictures
เป็นอีกหนึ่งหนังดัดแปลงจากมังงะที่เหล่าแฟน ๆ ร่วมพร้อมใจกันสาปส่ง สำหรับ Knights of the Zodiac หรือ Saint Seiya ฉบับคนแสดง ที่ดัดแปลงมาจากมังงะดังยุค 90 ชื่อเดียวกันของอาจารย์มาซามิ คุรุมาดะ ที่ไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกับมังงะต้นฉบับเลย เพราะเป็นการหยิบเอาเนื้อหาจาก Knights of the Zodiac (2019) ฉบับแอนิเมชั่น มาตีความใหม่ทั้งหมด คงไว้เพียงแค่แก่นของการเริ่มเรื่องและพลังคอสโม่ที่ควรจะมีเท่านั้นจริง ๆ
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Sony Pictures
หนังว่าด้วยเรื่องราวของ เซย์ย่า เด็กกำพร้าที่เติบโตมาข้างถนน ใช้ชีวิตเป็นนักสู้แนวสตรีตไฟเตอร์ และค้นพบว่าตัวเองมีพลังพิเศษที่เรียกว่าคอสโม่ ที่ถูกปลุกขึ้นมาหลังจากการพ่ายแพ้ในเวทีต่อสู้ จนทำให้เขาถูกตามล่าจากกลุ่มนักรบชุดเกราะดำ นอกจากพลังที่ได้รับมาแล้ว เขายังมีชะตาที่ถูกกำหนดไว้ให้ปกป้อง เซียน่า เทพีแห่งสงครามที่กลับชาติมาเกิดใหม่ แต่การที่เขาจะช่วยทั้งเทพีและโลกใบนี้ไว้ได้ก็ต่อเมื่อเขาสามารถเผชิญหน้ากับอดีตของตนเองได้ เพื่อที่จะกลายมาเป็นอัศวินจักรราศี
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Knights of the Zodiac Live Action Film
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Knights of the Zodiac Live Action Film
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Knights of the Zodiac Live Action Film
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Knights of the Zodiac Live Action Film
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก Knights of the Zodiac Live Action Film
แม้หนังเรื่องนี้จะมีจุดแข็งเป็นแฟนคลับมังงะจำนวนมาก แต่ด้วยความพังของบทภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวแบบสะเปะสะปะ จับต้นชนปลายไม่ได้ รวมถึงการดัดแปลงและเพิ่มเติมตัวละครที่ไม่จำเป็นจนทำให้เรื่องราวยืดเยื้อ รวมถึงงบประมาณที่ถูกลดลงทำให้ CG ของเรื่องนี้ดูขาด ๆ เกิน ๆ ที่สำคัญซึ่งเป็นจุดสำคัญของเรื่องนั่นคือ ชุดเกราะของเหล่าอัศวิน ที่ใครหลายคนได้ดูคงพูดไปในทิศทางเดียวกันว่า "ประหลาดตาและไม่เท่เอาซะเลย" แต่สิ่งหนึ่งที่ยังพอกู้หน้าได้บ้างคือ ฉากการต่อสู้ที่ออกแบบคิวบู๊มาได้อย่างดี ทั้งการต่อสู้มือเปล่าและฉากที่ต้องใช้พลัง เรียกว่านักแสดงของหนังเรื่องนี้พอจะกลบจุดด้อยของหนังไปได้บ้างทั้ง แมคเคนยู, ฟามเก ยานเซน, ฌอน บีน นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อคิดและมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น ถ้าใครสนใจอยากพิสูจน์ความปังความพังของไลฟ์แอ็คชั่นเหล่านี้ สามารถหาชมกันได้ตามสตรีมมิ่งดูหนังออนไลน์ทั้งหลายได้เลย
แถมท้ายอีกนิดสำหรับแฟน ๆ มังงะเรื่อง Yu Yu Hakusho คนเก่งฟ้าประทาน เตรียมตัวเตรียมใจรับแรงกระแทกกันได้ เพราะซีรีส์ Live-Action เรื่องนี้พร้อมฉาย 14 ธันวาคม 2023 ทาง Netflix อย่างแน่นอน ซึ่งก็คงต้องมาลุ้นกันว่าเรื่องนี้จะได้รับความนิยมทั่วโลกเช่นเดียวกับซีรีส์ One Piece หรือไม่
บทความน่าสนใจที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณภาพจาก : เว็บไซต์ 20th Century Fox, เฟซบุ๊ก M Pictures (1), เฟซบุ๊ก 映画「進撃の巨人 Attack on Titan, เฟซบุ๊ก Ghost In The Shell, เว็บไซต์ Netflix (1), (2), (3), (4), (5) เฟซบุ๊ก Netflix (1), เฟซบุ๊ก The Little Mermaid, เฟซบุ๊ก Walt Disney Studios, เฟซบุ๊ก Sony Pictures, เฟซบุ๊ก Knights of the Zodiac Live Action Film